คลังคุมเข้มค่ารักษาพยาบาล กรมบัญชีกลางแจกบัตรข้าราชการติดชิพการ์ด

7 มี.ค. 2560 เวลา 08:04 | อ่าน 7,095
แชร์ไปยัง
L
 
“อภิศักดิ์” สั่งกรมบัญชีกลางจับมือแบงก์กรุงไทยออกบัตรรักษาพยาบาลให้ข้าราชการ และบุคคลในครอบครัว 4.6 ล้านคน นำไปใช้แสดงสิทธิ์ขอรับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลหวังอุดการรั่วไหล หลังยอดเบิกจ่ายพุ่งจากวงเงิน 60,000 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 71,000 ล้านบาท มั่นใจเดือน ต.ค.นี้เสร็จแน่นอน
คลังคุมเข้มค่ารักษาพยาบาล กรมบัญชีกลางแจกบัตรข้าราชการติดชิพการ์ด


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่าได้สั่งให้กรมบัญชีกลางนำระบบการชำระเงินด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment มาใช้กับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ เพื่ออุดช่องโหว่และลดการทุจริต หลังจากกระทรวงการคลังชะลอโครงการให้บริษัทประกันชีวิตเข้ามาประกันเรื่องการรักษาพยาบาลให้แก่ข้าราชการ เนื่องจากมีกระแสต่อต้านทั้งที่ผลการศึกษาเรื่องดังกล่าว มีข้อดีและยังช่วยประหยัดเงินงบประมาณได้อีกด้วย

“งบประมาณด้านรักษาพยาบาลข้าราชการปี 59 สำนักงบประมาณตั้งเอาไว้ 60,000 ล้านบาทแต่เบิกจ่ายจริงสูงถึง 71,000 ล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่า มีการทุจริตหรือไม่โปร่งใสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงจำเป็นต้องมีระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่สามารถตรวจสอบได้ โดยได้เสนอให้กรมบัญชีกลางไปหารือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อออกแบบวิธีการชำระเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งในเบื้องต้น ข้าราชการต้องมีบัตรเพิ่มเติมอีก 1 ใบ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับบัตรเครดิต ที่บรรจุข้อมูลต่างๆ ลงในชิพการ์ด เช่น ประวัติการักษาโรคและหน่วยงานที่สังกัด เป็นต้น โดยคาดว่า จะเริ่มแจกบัตรรักษาพยาบาลให้แก่ข้าราชการได้ต้นปีงบประมาณ 2561 หรือในเดือน ต.ค.นี้” นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า รมว.คลัง ต้องการให้กรมบัญชีกลางวางระบบควบคุมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้มีความถูกต้องและเข้มงวด เพราะที่ผ่านมายอมรับว่ามีข้าราชการหรือคนในครอบครัวที่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว แต่นำสิทธิ์ไปใช้อย่างไม่ถูกต้องเช่น เบิกยาจากโรงพยาบาลเกินความจำเป็นแล้วนำยาไปขาย หรือที่เรียกว่า ช็อปปิ้งยา และยังมีเรื่องโรงพยาบาลเบิกค่ารักษาพยาบาลและจ่ายยาแพงเกินจริง เป็นต้น “ปัจจุบันข้าราชการ 1 คน จะได้รับสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลประกอบด้วย พ่อ แม่ สามีหรือภรรยาและลูก ซึ่งรวมแล้วมีประมาณ 4.2-4.6 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นภาระต่อเงินงบประมาณ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี แต่เราจะไปตัดสิทธิประโยชน์ของข้าราชการไม่ได้ จึงต้องพยายามควบคุมการเบิกจ่ายเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดการรั่วไหลให้มากที่สุด”

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ข้าราชการต้องใช้บัตรประจำตัวข้าราชการในการติดต่อกับโรงพยาบาล ซึ่งข้อมูลในบัตรระบุเพียงแต่ชื่อ นามสกุล หน่วยงานสังกัดและชั้นยศเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น
และที่สำคัญข้อมูลในบัตรก็ไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์เนื่องจากไม่มีชิพการ์ด แต่เมื่อถึงเวลาการจ่ายเงิน โรงพยาบาลก็จะโอนข้อมูลที่เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่ายา และค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ มายังกรมบัญชีกลางเพื่อขอเบิกจ่ายเงิน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรมบัญชีกลางก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของโรงพยาบาล ซึ่งกว่าตรวจสอบความถูกต้องได้หมดก็จะใช้เวลานานมาก “การมีบัตรสุขภาพของข้าราชการจะเหมือนกับมีบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอีก 1 ใบ เมื่อข้าราชการเข้าโรงพยาบาลก็ต้องโชว์บัตรและรูดบัตรรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเช่น ชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากทางราชการ โดยข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของบัญชีกลาง เพื่อนำมาประมวลผลว่า ข้าราชการผู้นั้นพบแพทย์บ่อยแค่ไหน มีการเวียนเทียนไปโรงพยาบาลอื่นๆอีกหรือไม่ และยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลนั้น มีปริมาณมากเกินไปหรือไม่ หากกรมบัญชีกลางพบสิ่งผิดปกติก็จะสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทันที จากปัจจุบันที่กรมบัญชีกลางมีหน้าที่จ่ายเงินเพียงอย่างเดียว เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลข้าราชการได้อย่างทั่วถึง” นางสาวสุทธิรัตน์กล่าวว่า ในต้นปีงบประมาณ 2561 หรือเดือน ต.ค.2560 กรมบัญชีกลางจะสามารถแจกบัตรรักษาพยาบาลให้แก่ข้าราชการได้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับผู้แทนจากธนาคารกรุงไทย และบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (เคทีซี) โดยระบบใหม่นี้ ตนมีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการใช้จ่ายเงินทางด้านรักษาพยาบาลข้าราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะประหยัดเงินงบประมาณได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอยู่ระหว่างการวางแผนและการวางระบบให้เกิดความชัดเจน “ขอยืนยันว่า สิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลของข้าราชการยังอยู่เหมือนเดิมทุกประการ เพียงแต่ต้องนำบัตรไปใช้ควบคู่กับการรักษาพยาบาลด้วย ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบมีความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น ดังนั้น ข้าราชการรวมถึงบุคคลที่ได้รับสิทธิ์ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็จะเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าช็อปปิ้งยา เพราะกฎหมายกำหนดรุนแรงถึงขั้นไล่ออกและเป็นคดีอาญา ขณะที่ข้าราชการที่ดี ก็ไม่ต้องกังวลเพราะไม่ได้ลิดรอนสิทธิ์”

ข้อมูลจาก http://www.thairath.co.th/content/854569


7 มี.ค. 2560 เวลา 08:04 | อ่าน 7,095


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
 
มาใหม่
นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
76 25 เม.ย. 2567
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
129 25 เม.ย. 2567
การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค. นี้ คกก. ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
138 25 เม.ย. 2567
เพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ 11,000 บาท พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2567
323 22 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 21-27 เมษายน 2567
329 21 เม.ย. 2567
เงื่อนไข คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินเดือนละ 3,000 บาท เริ่มยื่นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
646 19 เม.ย. 2567
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
1,358 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
73 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
92 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
733 12 เม.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ

  English

TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน