เด็กไทยมีเฮ เตรียมรับของขวัญปีใหม่จาก ศธ."Hi-Speed Internet" ทั้งเร็วแรงส่งตรงถึงโรงเรียนทั่วไทย หวังสร้างโอกาสเด็กได้เรียนรู้สื่อดี-ลดช่องว่าง กศ.-ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ปี 2561 จัด Hi-Speed Internet ให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ โดยโรงเรียนสามารถเลือกระบบผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เองตามความเหมาะสม เน้นที่มีความเสถียรที่สุด



นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย รศ.นพ.โศภณ นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารองค์กรหลักและ ศธ. พบปะพูดคุยและรับฟังปัญหาการใช้งานอินเทอร์เน็ตของโรงเรียนและสถานศึกษาสังกัด ศธ. ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย



กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ปี 2561 จัด Hi-Speed Internet ให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ โดยโรงเรียนสามารถเลือกระบบผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เองตามความเหมาะสม เน้นที่มีความเสถียรที่สุด พร้อมทั้งเปิดโรงเรียนประจำในทุกอำเภอของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองรับนักเรียนที่ครอบครัวมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท นอกจากนี้ ยังระดมนักศึกษาอาชีวศึกษาบริการตรวจสภาพรถยนต์และจักยานยนต์ฟรี เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ตามถนนสายหลักและถนนสายรองทั่วประเทศ

● จัด Hi-Speed Internet ให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 60 : นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ศธ.จัดทำโครงการ Hi-Speed Internet ให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2561 ให้กับนักเรียน ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาสามารถค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งปัจจุบันสถานศึกษาใช้ระบบเครือข่าย UniNet และ MOENet แต่จากการตรวจสอบพบว่ายังไม่ใช่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและไม่มีความเสถียร

ดังนั้น จึงได้มอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ตรวจสอบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในทุกสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้แต่ละโรงเรียนเลือกผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตเองตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่และดีที่สุด

ทั้งนี้ ผู้ให้บริการ Hi-Speed Internet ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ (UniNet, เน็ตประชารัฐ) ภาครัฐวิสาหกิจ (TOT, CAT) และภาคเอกชน (TRUE, SAMART TELECOM, AIS, 3BB) ซึ่งการเลือกใช้บริการ Hi-Speed Internet จะขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ขนาดของโรงเรียน จำนวนนักเรียน หรือความต้องการอื่น ๆ อย่างอิสระ ตามความเหมาะสม โดยส่วนกลางจะไม่กำหนดรูปแบบตายตัวให้ แต่จะให้ยึดหลักการเลือกใช้ Hi-Speed Internet ที่มีความเสถียรที่สุดตามกำลังที่สามารถทำได้



● การให้อำนวยความสะดวกและบริการประชาชนช่วงเดินทางปีใหม่
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จะจัดกิจกรรม "อาชีวะอาสาเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน" ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ในการบูรณาการจัดตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ตามถนนสายหลักและถนนสายรองทั่วประเทศ

โดยให้บริการฟรี ในส่วนของการตรวจสภาพรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ได้แก่ บริการตรวจเติมน้ำกลั่น น้ำมันเครื่องน้ำมันเบรก น้ำมันคลัชท์ เติมความดันลมยาง ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ และเปลี่ยนหลอดไฟรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งบริการน้ำดื่ม น้ำชา กาแฟ ตลอดจนแนะนำข้อมูลเส้นทางการเดินทางสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และบางจุดบริการมีนวดผ่อนคลาย

พร้อมกันนี้ในบางจุดบริการ สมาคมโรงเรียนเอกชนนอกระบบจะร่วมให้บริการนวดผ่อนคลาย รวมทั้งสมาคมเสริมสวย และสมาคมช่างตัดผม จะเข้าไปให้บริการให้กับประชาชนด้วย



● โรงเรียนกินนอน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จากการที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีโครงการที่เป็นลักษณะโรงเรียนประจำ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนด้อยโอกาสได้รับโอกาสทางการศึกษามากขึ้น ขณะนี้ ศธ. กำลังจัดทำข้อมูลขั้นต้นร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาโรงเรียนและงบประมาณ

ตั้งเป้าว่า 1 อำเภอ ให้มีโรงเรียนประจำ ทั้งระดับประถมศึกษา 1 โรงเรียน และระดับมัธยมศึกษา 1 โรงเรียน รวมทั้งสิ้น 37 อำเภอ ซึ่งรวมถึงโรงเรียนกินนอนของเอกชนด้วย โดยที่ไม่ใช่เป็นการสร้างโรงเรียนใหม่ แต่ให้เป็นลักษณะการปรับปรุงโรงเรียนเพิ่มเติม

ในส่วนของผู้เรียนอาชีวะ เบื้องต้นจะจัดโครงการในระดับ ปวช. คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นโครงการนี้ภายในปีการศึกษา 2561 และถือเป็นของขวัญปีใหม่จากกระทรวงศึกษาธิการ (ส่วนหน้า) ด้วย

“โครงการนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่มงบประมาณมากมาย แต่พิจารณาจากโรงเรียนที่มีความพร้อม โดยจะปรับปรุงอาคารสถานที่ในโรงเรียนให้มีความพร้อมมากขึ้น เพื่อสามารถรับเด็กมาพักอยู่ประจำได้ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีโรงเรียนลักษณะประจำเพียง 2 แห่ง ที่ จ.นราธิวาส คือ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ซึ่งยังไม่เพียงพอ” โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว

อิชยา กัปปา, อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, บัลลังก์ โรหิตเสถียร : สรุป
กิตติกร แซ่หมู่: ถ่ายภาพ
ปกรณ์ เรืองยิ่ง: กราฟิก
กลุ่มสารนิเทศ สป. และกลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.: รายงาน