ไม่ใช่แค่ปอด หัวใจก็โดนทำร้ายจากฝุ่น PM 2.5

22 มี.ค. 2566 เวลา 22:27 | อ่าน 342
แชร์ไปยัง
L
 
ไม่ใช่แค่ปอด หัวใจก็โดนทำร้ายจากฝุ่น PM 2.5

ในขณะที่คนไทยเกือบทั่วประเทศกำลังสำลักฝุ่น PM 2.5 กันอยู่นี้ก็มีผลการวิจัยของทีมนักวิยาศาสตร์ออสเตรเลียและจีนที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Planetary Health บอกว่า ประชากรเพียง 0.001% ของโลกเท่านั้นที่ได้หายใจเอากาศที่ไม่มีมลพิษเข้าร่างกาย ที่เหลืออีก 99.82% ล้วนสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 ในระดับที่เป็นอันตรายซึ่งสูงกว่าระดับความปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ประเทศแถบเอเชียมีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก


นอกจากอาการที่เกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังจากสัมผัสฝุ่น PM 2.5 อาทิ เจ็บคอ แสบจมูกเป็นผื่น ไปจนถึงอาการที่จะส่งผลในระยะยาวอย่างโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอดแล้ว ฝุ่นจิ๋วตัวร้ายนี้ยังทำร้ายหัวใจของเราด้วย ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า กว่า 20% ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมีสาเหตุมาจากมลพิษทางอากาศ และทุกๆ ปีมีมากกว่า 3 ล้านคนที่เสียชีวิตจากสาเหตุนี้


องค์การอนามัยโลกระบุว่า หากในอากาศมีฝุ่น PM 2.5 เกิน 10-25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้วร่างกายได้รับเข้าไปติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลเสียต่อการแข็งตัวของเลือด การทำงานของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือด ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง ทั้งโรคหัวใจ หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว และโรคมะเร็ง

ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 กับหัวใจนั้น หากเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันจะส่งผลให้เส้นเลือดเปราะ เส้นเลือดแตก และในผู้ป่วยโรคหัวใจจะเข้าไปกระตุ้นให้โรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น ส่วนในระยะยาวผลกระทบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์ กระตุ้นการอักเสบทั่วร่างกาย หลอดเลือดหนาตัวมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อผนังหลอดเลือดเติบโตขึ้น

ข้อมูลจากสมาคมโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งยุโรป (ESC) ระบุว่า มลพิษทางอากาศทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 8.8 ล้านคนต่อปี จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4.5 ล้านคน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ มลพิษทางอากาศทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่าการสูบบุหรี่ ซึ่งบุหรี่สามารถเลิกสูบได้ แต่มลพิษในอากาศหลีกลี่ยงไม่ได้

ระดับฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบันทำให้อายุขัยเฉลี่ยของประชากรทั่วโลกลดลงถึง 2.2 ปี
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์อังกฤษพบว่า มลพิษทางอากาศยังก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่อีกด้วย โดยฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากเครื่งยนต์สันดาปภายในกระตุ้นให้เซลล์ในปอดที่มีการกลายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งซ่อนร้นอยู่เติบโตขึ้น

ชาร์ลส์ สวอนตัน หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันฟรานซิส คริก และมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL) เผยว่า “เซลล์ที่มีการกลายพันธุ์ที่จะก่อให้เกิดมะเร็งจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้น แต่โดยปกติแล้วพวกมันจะอยู่เฉยๆ เราพบว่ามลพิษทางอากาศปลุกให้เซลล์เหล่านี้ที่อยู่ในปอดตื่น กระตุ้นให้มันเติบโตขึ้น และอาจก่อตัวเป็นมะเร็ง”

ทีมนักวิทยาศาสตร์คาดว่า มลพิษทางอากาศอาจกระตุ้นการเติบโตเซลล์ที่มีการกลายพันธุ์ที่อาจก่อมะเร็งที่อยู่ในส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย และด้วยเหตุนี้จึงกระตุ้นให้เกิดมะเร็งระยะแรกหลายชนิด และยังพบว่าเกิดมะเร็งชนิดอื่นในอัตราสูงในพื้นที่ที่มีฝุ่นขนาดเล็กหนาแน่น



กระตุ้นเซลล์ที่อยู่เฉยๆ
การสูบบุหรี่ยังคงเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปอด แต่ในปี 2019 การเสียชีวิตจากมะเร็งปอดทั่วโลกราว 300,000 เคสมีสาเหตุมาจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากอังกฤษทำการทดสอลสมมติฐานที่ว่า ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ปอดอักเสบและปลุกให้เซลล์ที่อยู่เฉยๆ ที่มีการกลายพันธ์ที่ก่ให้เกิดมะเร็งตื่นขึ้นมา ทำให้เซลล์พวกนี้เติบโตและก่อตัวเป็นมะเร็ง โดยมองหามะเร็งปอดที่ยีน epidermal growth factor receptor (EGFR) ซึ่งเป็นยีนที่พบการกลายพันธุ์มากที่สุดคือ 10% ในคนไข้มะเร็งปอดทั่วๆ ไป และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ในเอเชียพบได้ถึง 50%

นักวิจัยตรวจสอบข้อมูลของประชาชนกว่า 400,000 คนในอังกฤษ เกาหลีใต้ และไต้หวัน เปรียบเทียบกับอัตราการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ในพื้นที่ที่มีระดับ PM 2.5 แตกต่างกัน และพบการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ในอัตราสูง เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่น ในผู้คนที่อาศัยอยู่ในพืนที่มีมีมลพิษทางอากาศสูง

จากนั้นทำให้หนูทดลองที่เป็นมะเร็งปอดจากการกลายพันธุ์ของยีน EGFR สัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับปปกติที่มักพบตามเมืองต่างๆ โดยพบว่า มะเร็งมีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นในหนูเหล่านี้มากกว่าหนูที่ไม่ได้สัมผัสกับมลพิษทางอากาศ

ที่น่าสนใจคือ นักวิจัยพบว่า การขัดขวางโมเลกุล IL-1β (interleukin-1β) ซึ่งปกติจะก่อให้เกิดการอักเสบและถูกปล่อยออกมาเพื่อตอบสนองต่อการสัมผัส PM 2.5 ช่วยป้องกันไม่ให้มะร็งก่อตัวในหนูทดลองเหล่านั้น

แม้ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์จะค้นพบวิธีสกัดกั้นมะเร็งปอดที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว แต่ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หรือหากเป็นไปได้ควรเปิดเครื่องฟอกอากาศเพื่อกดให้ค่าฝุ่นไม่เกิน 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก


ข้อมูลจาก hfocus.org/

22 มี.ค. 2566 เวลา 22:27 | อ่าน 342


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
155 25 เม.ย. 2567
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
295 25 เม.ย. 2567
การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค. นี้ คกก. ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
323 25 เม.ย. 2567
เพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ 11,000 บาท พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2567
378 22 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 21-27 เมษายน 2567
388 21 เม.ย. 2567
เงื่อนไข คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินเดือนละ 3,000 บาท เริ่มยื่นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
719 19 เม.ย. 2567
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
1,388 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
75 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
94 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
779 12 เม.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน