รองนายกรัฐมนตรีลั่นรัฐบาลไม่ประมาท ยกระดับ 6 มาตรการสำคัญ ยืนยันไทยยังคงอยู่ในระยะที่ 2 เน้นลดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของกลุ่มคน (Social Distancing) งดวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ 13 – 15 เมษายน 2563 ออกไปก่อน

16 มี.ค. 2563 เวลา 20:50 | อ่าน 748
แชร์ไปยัง
L
 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ลั่นรัฐบาลไม่ประมาท ยกระดับ 6 มาตรการสำคัญ ยืนยันไทยยังคงอยู่ในระยะที่ 2 เน้นลดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของกลุ่มคน (Social Distancing)


งดวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ 13 – 15 เมษายน 2563 ออกไปก่อน

วันนี้ (16 มี.ค. 2563) เวลา 15.45 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล COVID-19 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กำชับการเตรียมความพร้อมทุกมิติทั้งเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลและมาตรการต่าง ๆ ในการรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มมากขึ้นหรือเตรียมกรณีที่ต้องยกระดับเป็นระยะ 3 โดยมีทุกหน่วยงานร่วมประชุมเพื่อเตรียมปฏิบัติในส่วนของตนเอง สำหรับศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมชี้แจงความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาให้แก่พี่น้องประชาชน รวมทั้งยังเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐ 1111 และเฟซบุ๊กกรมประชาสัมพันธ์


โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ครั้งที่ 1 มีมติเห็นชอบตรงกันเตรียมความพร้อม 6 ด้าน โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาพรุ่งนี้ (17 มี.ค.63) ประกอบด้วยด้านที่ 1 คือ ด้านสาธารณสุข เตรียมความพร้อมสถานพยาบาลทั้งของรัฐ เอกชน ท้องถิ่น มหาวิทยาลัย ทหาร ตำรวจ จัดสรรจำนวนตียงผู้ป่วย ความพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติค่าตอบแทนเป็นกรณีพิเศษให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์รับมือป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นี้ด้วย ด้านที่ 2 เวชภัณฑ์ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ได้เร่งกำลังกระบวนการผลิตให้มีจำนวนมากขึ้นให้ได้ประมาณวันละ 2 ล้านชิ้น โดยบางประเทศแจ้งพร้อมให้จัดส่งหน้ากากอนามัยเพื่อให้ความช่วยเหลือไทยด้วย นอกจากนี้ ยังจะเร่งผลิต แอลกอฮอล์และเจลล้างมือให้มากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอให้นำหน้ากากอนามัยที่ยึดไว้ได้จำนวนมาก ที่ถือว่าเป็นของกลาง ให้ศูนย์ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 เพื่อแจกจ่ายไปตามสถานพยาบาลต่าง ๆ โดยไม่ให้เสียรูปคดี ด้านที่ 3 ด้านข้อมูล การชี้แจง การรับเรื่องราวและข้อร้องเรียน ซึ่งมีการรายงานว่า มีการร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ข้อมูลโควิด -19 วันละประมาณหนึ่งพันราย ซึ่งได้ชี้แจงทำความเข้าใจ และแก้ปัญหาไปแล้ว 98 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือให้แก้ปัญหาต่อไป ด้านที่ 4 ด้านการต่างประเทศ รายงานว่า บางประเทศแสดงความปรารถนาดีที่จะให้ความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์ คือ ยา หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น กรณียกเลิกฟรีวีซ่าและวีโอเอนั้น ไม่มีประเทศใดขัดข้องทุกประเทศพร้อมและน้อมรับกับการดำเนินการของเรา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงคนไทยต่างประเทศต่าง ๆ และข้าราชการ ที่มีประมาณ 1.5 พันคน นักเรียนไทยในต่างประเทศนับพันคน พระภิกษุประมาณ 1.5 พันรูป แรงงานไทยที่ยังไม่กลับเข้ามาอีกนับเป็นแสนคน จึงได้สั่งการให้จัดตั้งทีมไทยแลนด์ในทุกประเทศเพื่อรับมือโควิด-19 โดยมีเอกอัครราชทูตประเทศนั้น ๆ เป็นหัวหน้าทีม เพื่อรับร้องเรียน ร้องทุกข์ ตลอดจนให้ข้อมูลข่าวสารเป็นทีมเฉพาะกิจ ด้านที่ 5 คือมาตรการป้องกัน เพื่อเตรียมรับมือสำหรับกรณีผู้ที่ยังไม่ได้ติดเชื้อหรือเจ็บป่วยจากไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แม้ไทยยังไม่มีการประกาศเข้าสู่ระยะที่ 3 แต่มีมาตรการเข้มงวดมากขึ้นในการตรวจคนเข้าเมืองทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เช่น มีการสั่งยกเลิกวีซ่าฟรี และ Visa on Arrival การเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์ การประกันชีวิต การใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามข้อมูล ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเมืองหรือปิดประเทศ


พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้หารือให้มีการงดวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ 13 – 15 เมษายน 2563 ออกไปก่อน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการและไม่เป็นวันหยุดงานของภาคเอกชน และจะให้ชดเชยวันหยุดให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ส่วนการปิดหรือหยุด หรือระงับการเปิดสถานที่บางแห่ง ซึ่งเป็นที่ชุมนุมคนไปอยู่รวมกันจำนวนมาก ได้แบ่งออก 2 ลักษณะ คือ 1. สถานที่ใดซึ่งมีผู้คนไปชุมนุมกันคราวละมาก ๆ เป็นกิจวัตร และมีโอกาสเสี่ยงสูงเพรามีกิจกรรม สัมผัส พูดจาปราศรัยกันในที่คับแคบ แต่มีทางเลือกทางเลี่ยง ชดเชยการชุมนุมได้ เช่น มหาวิทยาลัยทั้งรัฐและเอกชน โรงเรียนรัฐและเอกชน โรงเรียนนานาชาติ สถานกวดวิชาให้เสนอ ครม. เพื่อให้หน่วยงานไปดำเนินการหยุดหรือปิด กิจการเหล่านั้นไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว 2. สถานที่ที่มีคนชุมนุมกันคราวละมาก ๆ จัดกิจกรรมร่วม มีสัมผัสระหว่างกัน เช่น สนามมวย สนามกีฬา โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ ขอดูรายละเอียดกำหนดเกณฑ์ผู้ชุมนุม ส่วนสถานที่อื่น ร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ไม่เข้าเกณฑ์ ยังสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ แต่ต้องมีมาตรการรองรับ เช่น วัดไข้ สวมหน้ากากอนามัย จัดที่นั่งให้ห่างกัน 1 เมตรหรือ 1 เมตรเศษ มีเจลล้างมือ หากพบว่ามีการฝ่าฝืนจะสั่งปิดหรือดำเนินการเป็นราย ๆ ต่อไป โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 35 รวมถึงแนวคิดเหลื่อมเวลาทำงานและรับประทานอาหาร และการทำงานจากบ้าน ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เพื่อป้องกันไม่มีคนอยู่รวมกันแน่น เช่นเดียวกับเอกชนหลายแห่งได้ดำเนินการไปก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีกำชับมาตรการป้องกันว่า ต้องให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลตัวเองให้ถูกต้อง โดยสั่งการให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาเรื่องกำหนดมาตรการเลื่อนหรือเหลื่อมเวลาทำงาน การทำงานที่บ้าน เพื่อลดจำนวนคน หลีกเลี่ยงการชุมนุมพร้อม ๆ กัน โดยให้กระทรวงรายงานให้ ครม.ทราบทุก ๆ 7 วัน รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นที่มีกำหนดการประชุมประจำปีในเดือน เม.ย. สามารถเลื่อนหรือให้ประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟเรนซ์ ซึ่งเป็นไปตามประกาศ คสช.ที่ 44/2557 สามารถทำได้ และด้านที่ 6 มาตรการเยียวยา กระทรวงการคลังรับที่จะไปพิจารณารายละเอียดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีภาระในการผ่อนหนี้รถ หนี้ที่อยู่อาศัย รวมทั้งการพิจารณาลดค่าเช่าในพื้นที่ของราชการ เป็นต้น


รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นในที่ประชุมว่า ไวรัสโควิด -19 เป็นวาระสำคัญที่สุดอับดับหนึ่งของประเทศ เรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบการท่องเที่ยว การค้าขาย มีความสำคัญเป็นลำดับสอง เพราะรัฐบาลถือชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญยิ่ง เมื่อสถานการณ์เบาบางลง เศรษฐกิจสามารถฟื้นฟูเยียวยาได้ในเวลาต่อมา


โอกาสนี้ นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ย้ำการป้องกันตัวเองเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด – 19 โดยหมั่นล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัย ผู้มีอาการป่วยไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ ขอให้แยกตัวออกจากสถานที่ที่มีคนหมู่มาก หากมีอาการสุ่มเสี่ยงคล้ายโควิด – 19 ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อเป็นวงกว้าง มาตรการยกระดับการป้องกันให้มีความเข้มงวดมากขึ้น คือ เพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมถึงการเฝ้าระวังและติดตามอย่างเข้มข้น เตรียมความพร้อมบุคลากรทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ ยารักษา การสื่อสารเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนและตอบคำถามข้อสงสัยของประชาชน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขยังได้ตอบกรณีค่าใช้จ่ายในการตรวจหาโควิด – 19 และการรักษาพยาบาลนั้นว่า หากผู้ใดที่มีประวัติเสี่ยง เช่น มีประวัติเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ มีการใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงนั้น สามารถเข้าตรวจ ณ โรงพยาบาลตามสิทธิของตน กรณีฉุกเฉินสามารถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ตามสิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) เมื่อแพทย์วินิจฉัยให้ตรวจการติดเชื้อโควิด – 19 จะไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความแม่นยำ หากผลออกมาว่าเป็นบวกหรือติดเชื้อจะมีการตรวจซ้ำแห่งที่สองเพื่อยืนยัน หากผลเป็นลบ คือไม่ติดเชื้อไวรัส หากพบการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอย่างไม่เป็นธรรม หรือมีข้อสงสัย สามารถสอบถามหรือแจ้งมาได้ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ 1111 จากนั้น นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ได้กล่าวเสริมว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายอดผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการชุมนุมของคนหมู่มาก และป้องกันดูแลตนเอง ถ้ามีอาการป่วยขอให้หยุดพัก ผู้ที่ไปในสถานที่เสี่ยงหรือกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงขอให้กักตัวสังเกตอาการอยู่บ้าน 14 วัน ถ้าพบว่าตนมีอาการเข้าเกณฑ์ของโรคให้เดินทางมาพบแพทย์ หรือโทรสายด่วน 1422 กรมควบคุมโรคเพื่อขอคำแนะนำ


ทั้งนี้ นางวราภรณ์ สุวรรณเจริญ ผู้อำนวยการกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า 2 (ผู้เชี่ยวชาญ) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในขณะนี้ เพียงพอต่อความต้องการ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการ ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ถึงปริมาณสินค้าในปัจจุบัน และกำชับผู้ประกอบการให้เพิ่มรอบจัดวางสินค้าบนชั้นจำหน่าย ให้ทันต่อความต้องการของประชาชน ขอประชาชนอย่าได้วิตก



-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์เเละเผยเเพร่ สำนักโฆษก

16 มี.ค. 2563 เวลา 20:50 | อ่าน 748


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
115 25 เม.ย. 2567
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
162 25 เม.ย. 2567
การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค. นี้ คกก. ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
191 25 เม.ย. 2567
เพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ 11,000 บาท พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2567
341 22 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 21-27 เมษายน 2567
350 21 เม.ย. 2567
เงื่อนไข คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินเดือนละ 3,000 บาท เริ่มยื่นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
663 19 เม.ย. 2567
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
1,374 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
74 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
93 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
748 12 เม.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน