กรมบัญชีกลางแถลงผลการดำเนินงานบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

25 พ.ค. 2563 เวลา 13:46 | อ่าน 612
แชร์ไปยัง
L
 
กรมบัญชีกลางแถลงผลการดำเนินงานบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลภารกิจด้านกฎ ระเบียบ การเงินการคลังภาครัฐ มีความห่วงใยทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติข้างต้น ได้อนุมัติ กำหนดแนวทางและวิธีปฏิบัติ ดังนี้


(1) การอนุมัติหลักการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายกรณียกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางไปราชการ การจัดฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมระหว่างประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019 : COVID-19) ได้อนุมัติหลักการให้ส่วนราชการสามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนี้

1. กรณียกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางไปราชการ

2. กรณียกเลิกหรือเลื่อนการจัดฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ หรือการเข้ารับ การฝึกอบรม การเข้าร่วมงาน การเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ซึ่งการเบิกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นข้างต้น จะต้องได้รับอนุมัติให้ยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางไปราชการ การจัดฝึกอบรม การจัดงาน และการจัดประชุมระหว่างประเทศ จากหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณหรือหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัดก่อนแล้วแต่กรณี จึงจะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ โดยให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ ซึ่งสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง ตามความจำเป็น เหมาะสม และประหยัด

(2) แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการลาของลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว ในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) เพื่อให้ลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวมีแนวทางเช่นเดียวกันกับข้าราชการ ตามหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0106/ว 316 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 ดังนี้
1) ให้ลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราวที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือสัมผัสโรคหรือใกล้ชิดผู้ป่วยดังกล่าว หากปรากฏผลการคัดกรองยืนยันว่า มีภาวะเสี่ยงหรือติดเชื้อโรคหรือถูกแยกกักหรือกักกันตัว จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการ ณ สถานที่ตั้งตามปกติให้รีบรายงานพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงหรือหัวหน้าส่วนราชการโดยทันที โดยให้ถือว่าลูกจ้างฯ ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการอันเนื่องมาจากพฤติการณ์พิเศษ และให้ผู้บังคับบัญชาสั่งให้การหยุดราชการโดยไม่นับเป็นวันลาตามจำนวนวันที่ไม่มาปฏิบัติราชการได้ แต่หากพฤติการณ์ของลูกจ้างฯ เกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือความผิดของลูกจ้างฯ ให้ถือว่าวันที่ไม่ได้มาปฏิบัติราชการนั้นเป็นวันลากิจส่วนตัว

(3) การอนุมัติหลักการเบิกจ่ายค่าตอบแทนในการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การเบิกจ่ายค่าตอบแทนในการประชุมกรณีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีความซัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงอนุมัติในหลักการให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานของส่วนราชการที่ได้รับค่าตอบแทนในการประชุม ให้มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามอัตราที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติไว้ ทั้งนี้ วิธีปฏิบัติในการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องเป็นไปตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2557 เรื่อง การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และคู่มือการปฏิบัติราชการนอกสถานที่ ที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนด

(4) ซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการบริหารสัญญาในกรณีที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อให้การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตาม ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลต่อภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐน้อยที่สุด ตลอดจนให้หน่วยงานของรัฐมีแนวทางการพิจารณาในการบริหารสัญญากรณีที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ดังนี้
1) กรณีที่หน่วยงานของรัฐทำสัญญาจ้างเหมาบริการศึกษาดูงาน ซึ่งกำหนดเนื้องานเฉพาะเรื่องการศึกษาดูงานเท่านั้น และไม่มีความประสงค์จะจัดให้มีการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ให้หน่วยงานดำเนินการเจรจาตกลงยกเลิกกับคู่สัญญา เพื่อที่จะบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงตามนัยมาตรา 103 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 คือ การตกลงกับคู่สัญญาที่จะบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลง ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาได้เฉพาะในกรณีที่เป็นประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐโดยตรงหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อแก้ไขข้อเสียเปรียบของหน่วยงานรัฐในการที่จะปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงนั้นต่อไป
2) กรณีที่หน่วยงานของรัฐทำสัญญาจ้างเหมาบริการโดยกำหนดเนื้องานหลายกิจกรรม ซึ่งการศึกษาดูงานเป็นกิจกรรมหนึ่งในการจ้างเหมาบริการตามสัญญา และหน่วยงานมีความประสงค์จะเลื่อนหรือยกเลิกกิจกรรมหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการแก้ไขสัญญาตามนัยมาตรา 97 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 คือ เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์แก่หน่วยงานของรัฐหรือประโยชน์สาธารณะ

(5) กรมบัญชีกลางอนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อนุมัติให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะยุติ ดังนี้
1. ค่าตอบแทนเสี่ยงภัยในการเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับแพทย์และสัตวแพทย์ ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาลเทศบาลและท้องถิ่น ผลัดละ 1,500 บาทต่อคน ส่วนพยาบาล นักวิชาการด้านการสาธารณสุข นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ นักรังสีการแพทย์ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถานพยาบาล เทศบาลและท้องถิ่น ได้รับค่าตอบแทนผลัดละ 1,000 บาทต่อคน โดยการปฏิบัติงานต้องมีลักษณะเป็นเวรเป็นผลัด ๆ ละ ไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง
2. ค่าตอบแทนในการประชุมครั้งละ 1,000 บาทต่อคน สำหรับบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือข้าราชการที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข
3. ค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยยืนยัน และผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนโรค (PUI) โดยคนต่างชาติที่ไม่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ให้เบิกตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง สำหรับคนต่างชาติและคนไทยที่มีสิทธิเบิกสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว ให้เบิกได้เฉพาะในส่วนที่เกินจากสิทธิ

(6) กรมบัญชีกลางเพิ่มรายการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่เสี่ยง หรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และกำหนดอัตราการเบิกค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ห้องควบคุมค่ายา และค่าอุปกรณ์ป้องกันให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และขานรับมาตรการ Social Distancing โดยให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปรับยาที่สถานพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่ม ให้ผู้มีสิทธิสามารถเบิกจ่ายตรงได้ โดยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินไปก่อน และกรมบัญชีกลางได้สนับสนุนมาตรการ Social Distancing ของรัฐบาล โดยให้ผู้ป่วยเก่าของสถานพยาบาลสามารถรับยาที่บ้านได้ ลดความเสี่ยงในการเดินทางมายังสถานพยาบาลในช่วงที่เกิดการระบาดของโรค

(7) กรมบัญชีกลาง เพิ่มเติมหลักเกณฑ์และอัตราเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล กรณี COVID-19 เพื่อความคล่องตัวของสถานพยาบาลและเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ป่วยจากกรณีที่มีสถานพยาบาลของทางราชการหลายแห่งมีสถานที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลและได้จัดหาสถานที่อื่น ๆ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เพื่อส่งตัวผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่อาการดีขึ้นไปพักฟื้นในสถานที่ดังกล่าว จนกว่าจะกลับสู่สภาวะปกติและสามารถกลับบ้านได้ ดังนี้

1.ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หากแพทย์ผู้รักษาเห็นว่า อาการดีขึ้นสามารถส่งตัวไปพักฟื้น ณ สถานที่ที่สถานพยาบาลของทางราชการได้จัดหาไว้เป็นการเฉพาะ เช่น สถานพยาบาลสนาม หอผู้ป่วย COVID-19 ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อวัน และในกรณีที่สถานพยาบาลของทางราชการมีความจำเป็นต้องส่งตัวผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการนอกเหนือจากค่าพาหนะส่งต่อ รายการค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal..Protective Equipment)และค่าบริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 3,700 บาท ต่อครั้งที่มีการส่งต่อ

2. การจัดส่งยาให้ผู้ป่วยโดยตรง ทางไปรษณีย์ หรือจัดส่งยาไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิหรือสถานที่ที่สถานพยาบาลของทางราชการได้จัดเตรียมไว้ และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ส่งมอบยาให้ผู้ป่วย

3..หากผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวไปแสดงตน ณ สถานพยาบาลของทางราชการ การทำธุรกรรมผ่านเครื่องรับรายการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) อาจใช้บัตรประจำตัวประชาชนหรือใช้เลขประจำตัวประชาชนได้

(8) กรมบัญชีกลางปลดล็อคแนวทางการจัดซื้อยาและอุปกรณ์การแพทย์ ให้รวดเร็วขึ้น เพื่อป้องกัน ควบคุม รักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นไปด้วยความคล่องตัว รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ สามารถช่วยชีวิตของประชาชนได้อย่างทันท่วงที จึงเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ไม่อาจดำเนินการตามปกติได้ทัน หากดำเนินการล่าช้าอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะและระบบเศรษฐกิจโดยรวมดังนี้

1. การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคโควิด 19 ในแต่ละครั้ง ทุกวงเงิน ถือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน จึงยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดวงเงินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง

2. การดำเนินการตามข้อ 1 หากมีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินค่าพัสดุล่วงหน้าให้แก่ผู้ขายหรือผู้รับจ้าง ให้จ่ายได้ตามเงื่อนไขที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างกำหนด และยกเว้นการวางหลักประกันการรับเงินล่วงหน้า โดยแนวทางดังกล่าวให้ใช้ได้จนกว่าจะมีการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน

(9) การต่ออายุรับรองมาตรฐานการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในช่วงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นอุปสรรคต่อการตรวจเยี่ยมหน่วยไตเทียมเพื่อรับรองการต่ออายุการรับรองมาตรฐานให้แก่สถานพยาบาลของคณะอนุกรรมการตรวจรับรองมาตรฐานการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ตรต.) ซึ่งตามหลักเกณฑ์เดิม หากสถานพยาบาลไม่ส่งใบรับรองการต่ออายุที่ออกให้โดย ตรต. จะชะลอการการจ่ายค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาของผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วยโรคไตเรื้อรัง ทั้งนี้ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คงระดับมาตรฐานตามเกณฑ์ของ ตรต. และสามารถส่งเบิกจ่ายตรงการรักษาทดแทนโรคไตเรื้อรังประเภทฟอกเลือด (HD) ได้อย่างต่อเนื่อง กรมบัญชีกลางจึงได้กำหนดแนวทางให้สถานพยาบาลที่ใบรับรองการต่ออายุการรับรองมาตรฐาน มีอายุเหลือไม่ถึง 6 เดือน ถือปฏิบัติ เพื่อให้สามารถส่งเบิกค่าฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมได้ จนกว่า ตรต. จะดำเนินการตรวจเยี่ยมและพิจารณาต่อใบรับรองมาตรฐานตามหลักการที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยได้กำหนด

(10) กรมบัญชีกลาง อนุมัติให้ขยายวงเงินทดรองราชการฯ ในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน กรณีโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ กทม. และ 76 จังหวัด จำนวน 50 ลบ. เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินงบประมาณในการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จึงได้อนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและจังหวัด ปฏิบัตินอกเหนือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ข้อ 18 กรณีขยายวงเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จำนวน 50,000,000 บาท ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่จังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเฉพาะสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ เป็นกรณีพิเศษ

(11) กรมบัญชีกลาง อนุมัติให้ ปภ. และจังหวัด สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการฯ ที่ได้รับการขยายฯวงเงินฯ เป็นค่าตอบแทนได้เป็นกรณีพิเศษ ผู้ปฏิบัติงานทุกประเภท กรณี COVID-19 เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมที่ร่วมกันปฏิบัติงานในสถานการณ์ COVID-19 ได้อย่างคล่องตัว จึงอนุมัติให้ ปภ. และจังหวัดยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบฯ ให้สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณี COVID-19 ที่ได้รับการขยายวงเงินจากกรมบัญชีกลางเป็นค่าตอบแทนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกประเภทที่ได้รับมอบหมายหรือได้รับคำสั่งให้ออกปฏิบัติงานป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติ ค่าใช้จ่ายในการดูแลด้านการดำรงชีพของผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติดังกล่าวได้เป็นกรณีพิเศษ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป

(12) กรมบัญชีกลางอนุมัติอัตราค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานทุกประเภท กรณี COVID-19 จากเงินทดรองราชการฯ ที่ได้รับการขยายวงเงินฯ เป็นกรณีพิเศษ
ตามอัตราที่กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลง ดังนี้
1. กรณีผู้ปฏิบัติงานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกิน 12 ชั่วโมง ให้ได้รับค่าใช้จ่ายในอัตราวันละ 120 บาท
2. กรณีผู้ปฏิบัติงานเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป ให้ได้รับค่าใช้จ่ายในอัตราวันละ 240 บาท

(13) กรมบัญชีกลางกำหนดแนวทาง กรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เพื่อป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง ในแต่ละครั้งทุกวงเงิน ถือเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน จึงสามารถดำเนินการซื้อหรือจ้างไปก่อนได้ แล้วรีบรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างทันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ สำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในส่วนของการอ้างอิงราคากลาง หน่วยงานของรัฐสามารถใช้วงเงินที่จัดซื้อจัดจ้างในแต่ละครั้งเป็นราคากลาง และเพื่อให้ได้พัสดุนั้นอย่างรวดเร็วที่สุด ทันต่อการใช้ประโยชน์เป็นสำคัญ จึงกำหนดแนวทางให้หน่วยงานของรัฐประกาศเผยแพร่การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด และการประกาศดังกล่าว ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับถัดจากวันที่มีการประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน และอัพโหลดข้อมูลทางระบบ e-GP โดยอนุโลม

(14) กรมบัญชีกลางซ้อมความเข้าใจเพิ่มเติม เกี่ยวกับการดำเนินการในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ซ้อมความเข้าใจการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐกรณีต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
กรณีที่โรคโควิด-19 เกิดขึ้นก่อนที่หน่วยงานของรัฐจะลงนามในสัญญาหรือข้อตกลงกับผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกเมื่อหน่วยงานของรัฐมีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือก มาลงนามในสัญญาหรือข้อตกลงภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกแจ้งเป็นหนังสือว่าไม่สามารถ จะลงนาม เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 หากหน่วยงานของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่าต้องลงนามตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ให้มีหนังสือเรียกผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกที่เสนอราคาต่ำสุดหรือผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงสุดมาทำสัญญาหรือข้อตกลง หากเรียกแล้วไม่ยอมเข้าทำสัญญาหรือข้อตกลงให้เรียกรายถัดไปตามลำดับสำหรับผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกที่เสนอราคาต่ำสุดหรือผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงสุดที่เรียกแล้วไม่ยอมเข้าทำสัญญาหรือข้อตกลง ให้ถือว่ามีเหตุอันสมควรไม่เข้าลักษณะการเป็นผู้ทิ้งงาน และให้หน่วยงานของรัฐคืนหลักประกันการเสนอราคาให้แก่ ผู้ยื่นข้อเสนอทุกราย กรณีที่โรคโควิด-19 เกิดภายหลังจากที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนามในสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่สัญญาแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณา ดังนี้

1. การบริหารสัญญา กรณีที่สัญญายังไม่ครบกำหนด ให้หน่วยงานของรัฐนำจำนวนวันที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มาขยายระยะเวลาทำการตามสัญญาหรือข้อตกลง ตามจำนวนวันที่มีเหตุเกิดขึ้นจริง สำหรับกรณีที่สัญญาครบกำหนดและมีค่าปรับเกิดขึ้นแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐนำจำนวนวันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มางดหรือลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญา ตามจำนวนวันที่มีเหตุเกิดขึ้นจริง

2. การตรวจรับพัสดุของหน่วยงานของรัฐ หากคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่สามารถดำเนินการตรวจรับพัสดุหรือไม่สามารถออกไปตรวจงานจ้าง ในกรณีงานจ้างก่อสร้างตามสัญญาหรือข้อตกลงได้ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐอาจแต่งตั้งบุคคลที่อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ เป็นคณะกรรมการหรือกรรมการตรวจรับพัสดุแทน และให้เลื่อนระยะเวลาการตรวจรับพัสดุออกไปก่อน จนกว่าคณะกรรมการตรวจรับพัสดุจะสามารถดำเนินการตรวจรับพัสดุนั้น ๆ ได้

(15) กรมบัญชีกลางขยายเวลาการจ้างงาน โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ เพื่อช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาทางด้านเศรษฐกิจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะแรกโดยเฉลี่ย ระยะเวลา 90 วัน และกระทรวงแรงงานได้ขออนุมัติขยายระยะเวลาการจ้างงานในโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ กิจกรรมจ้างงาน ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้มีรายได้ ให้สามารถยังชีพได้ต่อไป กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กระทรวงแรงงาน เบิกจ่ายค่าตอบแทนการทำงานของโครงการดังกล่าว ในอัตราคนละไม่เกิน 300 บาทต่อวัน ปฏิบัติงานวันละ 8 ชั่วโมง โดยขยายระยะเวลาการจ้างงานจากเดิมไม่เกิน 10 วัน ให้เป็นคนละไม่เกิน 90 วัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

(16) กรมบัญชีกลาง เตรียมจ่ายเงินเยียวยาคนพิการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านระบบ e-Social Welfare 29 พ.ค. 63 คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ได้มีมติให้ช่วยเหลือคนพิการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คนละ 1,000 บาท จำนวน 1 ครั้ง โดยเป็นคนพิการที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการ และลงทะเบียนขอรับเงินเบี้ยความพิการต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่จ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ ผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-Social Welfare) ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1.99 ล้านราย โดยจะสามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิได้ ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิ หรือบัญชีผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ

25 พ.ค. 2563 เวลา 13:46 | อ่าน 612


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
76 25 เม.ย. 2567
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
124 25 เม.ย. 2567
การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค. นี้ คกก. ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
134 25 เม.ย. 2567
เพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ 11,000 บาท พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2567
321 22 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 21-27 เมษายน 2567
329 21 เม.ย. 2567
เงื่อนไข คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินเดือนละ 3,000 บาท เริ่มยื่นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
646 19 เม.ย. 2567
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
1,358 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
73 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
92 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
733 12 เม.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน