คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเมษายน 2564 ดังนี้

6 พ.ค. 2564 เวลา 17:11 | อ่าน 526
แชร์ไปยัง
L
 

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเมษายน 2564 ดังนี้


สรุปหลักเกณฑ์เยียวยาโควิดระลอก 3

มาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19


ครม.อนุมัติงบประมาณวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ให้แก่ธนาคารออมสิน 1 หมื่นล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับประชาชน วงเงินคนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ไม่เกิน 0.35% ต่อเดือน (ดอกเบี้ย 35 บาท/เดือน) โดยใน 6 เดือนแรก ยังไม่ต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. – 31 ธ.ค. 2564


ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้มีรายได้ประจำ เช่น พนักงาน/ลูกจ้าง หน่วยงานเอกชนที่มีเงินเดือนประจำ เป็นต้น, ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย เป็นต้น, และเกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตรที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณ รัฐบาลชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) ร้อยละ 100 สำหรับ NPLs ที่ไม่เกินร้อยละ 50 ของสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด 20,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 10,000 ล้านบาท


มาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)


กระทรวงการคลังให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) พิจารณาขยายระยะเวลามาตรการพักชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ออกไปจนสิ้นปีนี้ (31 ธ.ค. 64) ตามความสมัครใจ โดยพักชำระเงินต้นเพื่อลดภาระชั่วคราวให้แก่ลูกหนี้ หรือเพื่อนำเงินงวดที่ต้องชำระหนี้ไปเป็นสภาพคล่องในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือเพื่อประกอบธุรกิจในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยไม่เพิ่มภาระให้แก่ลูกหนี้มากจนเกินควร ในการนำเงินมาชำระหลังพักหนี้แล้ว จากอัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลาสัญญาเงินกู้ ซึ่งรวมถึงดอกเบี้ยกรณีที่ SFIs ได้พิจารณาพักชำระไว้ด้วย


นอกจากนี้ ให้ SFIs พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่มากไปหาน้อย เพื่อดูแลลูกหนี้ในแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกหนี้เป็นสำคัญ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณาแนวทางในการช่วยเหลือ SFIs ตามความจำเป็นและเหมาะสมในกรณีที่การดำเนินการดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง หรือฐานะทางการเงินของ SFIs


ทั้งนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions : SFIs) หมายถึง สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการพัฒนาส่งเสริมเศรษฐกิจ และสนับสนุนการลงทุนต่าง ๆ โดยอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังซึ่งได้มอบหมายให้ ธปท. ทำหน้าที่ตรวจสอบผลการดำเนินงานและความเสี่ยง และรายงานผลการตรวจสอบไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
1. สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ทำหน้าที่เป็นธนาคารที่
ให้บริการทางการเงินทั้งด้านเงินฝากและให้สินเชื่อ ซึ่งปัจจุบัน มี 4 แห่ง คือ
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

2. สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ทำธุรกิจตามขอบเขตที่กำหนด
เช่น ให้สินเชื่อหรือรับประกันสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่รับเงินฝากจากประชาชนทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมี 4 แห่งคือ
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(EXIM Bank)
- ​ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
- บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย

มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในระยะเร่งด่วน


- โครงการเราชนะ แก่ประชาชนจำนวน 32.9 ล้านคน

โดยเพิ่มวงเงินช่วยเหลืออีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ใช้จ่ายสิ้นสุดถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในกรอบวงเงิน 67,000 ล้านบาท

- โครงการ ม 33 เรารักกัน แก่ประชาชนจำนวน

9.27 ล้านคน โดยเพิ่มวงเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ใช้จ่ายสิ้นสุดถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ในกรอบวงเงิน 18,500 ล้านบาท
มาตรการในระยะต่อไป (เมื่อสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกเดือนเมษายน 2564 คลี่คลายลง) กรอบวงเงินเบื้องต้น 140,000 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ ดังนี้

1.มาตรการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในกลุ่มที่

จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1.1 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ 3 แก่ประชาชนจำนวน 13.65 ล้านคน โดยให้งบค่าครองชีพเพิ่มเติม เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน เริ่มกรกฎาคม – ธันวาคม 2564
1.2 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
เป็นพิเศษ แก่ประชาชนจำนวน 2.5 ล้านคน โดยให้งบค่าครองชีพเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน เริ่มกรกฎาคม – ธันวาคม 2564

2.มาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด โดยให้ความสำคัญกับการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง ได้แก่

2.1 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก วงเงินไม่เกิน 3,000 บาท ใช้จ่ายวันละไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน เริ่มเดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 31 ล้านคน
2.2 โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โดยรัฐสนับสนุน e - Voucher ให้กับประชาชนที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า ค่าอาหาร และเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน โดยเมื่อประชาชนใช้จ่ายดังกล่าวจะได้รับสนับสนุน e - Voucher จากภาครัฐในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 และสามารถนำ e - Voucher ไปใช้จ่ายได้ในเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 4 ล้านคน


ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาดำเนินการเลื่อนกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคดควิด 19 ในระลอกเดือนเมษายน 2564 จะคลี่คลายลง ตามขั้นตอนของระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป


ครม.เห็นชอบมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) โดยให้ ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาตามมาตรการเดิมที่ได้ดำเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2564 ดังนี้
2.1 ค่าไฟฟ้า เสนอให้สิทธิค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ดังนี้

(1) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก
(2) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ดังนี้

- กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับใบแจ้ง ค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง

- กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้ามากกว่าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ ดังนี้
(2.1) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564
(2.2) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 50
(2.3) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 1,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2564 ในอัตราร้อยละ 70 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
(3) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก

ทั้งนี้ มาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก กำหนดให้ดำเนินการเป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564
2.2) ค่าน้ำประปา เสนอให้ลดค่าน้ำประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัย และกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) เป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาประจำเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2564


ทั้งนี้ เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบ (การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) โดยขอรับสนับสนุนแหล่งเงินเพื่อดำเนินตามมาตรการดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ตามขั้นตอน พระราชกำหนดฯ ต่อไป
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
(กยศ.)




คณะกรรมการ กยศ. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ดังนี้


1.1) ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมสู้ภัยโควิด ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยมีรายละเอียดของมาตรการ ดังนี้
(1) ลดเบี้ยปรับร้อยละ 100 สำหรับการชำระหนี้ปิดบัญชี
(2) ลดเบี้ยปรับร้อยละ 80 สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ
(3) ลดเงินต้นร้อยละ 5 สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืน กยศ. ซึ่งไม่ได้เป็นหรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว
(4) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือร้อยละ 0.5 ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
1.2) ชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้ประจำปี 2563 และปี 2564 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปี 2564
1.3) งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้กู้ยืมและ/หรือ ผู้ค้ำประกันที่ กยศ. ได้ขอให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์ไว้จนถึงสิ้นปี 2564 โดย กยศ. จะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้กู้ยืมและ/หรือผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิร่วม ผู้รับจำนองที่ยึดไว้ (ถ้ามี) เป็นต้น
1.4) ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.01 ต่อปี สำหรับ ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืน กยศ. และไม่ได้เป็นหรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
1.5) ยกเลิกการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืน กยศ. สำหรับผู้กู้ยืมที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินและทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19

6 พ.ค. 2564 เวลา 17:11 | อ่าน 526


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
824 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
56 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
55 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
428 12 เม.ย. 2567
แจ้งข่าวดี กองทุนหมู่บ้าน จับมือ ทิพยประกันภัย แจกประกันภัยอุบัติเหตุฟรีช่วงสงกรานต์ ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท
554 12 เม.ย. 2567
ธอส. ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.105% ต่อปี มอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทย​ เริ่ม 14 เมษายนนี้
399 12 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 7-13 เมษายน 2567
483 8 เม.ย. 2567
สธ.จัดทีม SEhRT เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ-คุณภาพ แม่น้ำโขง หลังเกิดเหตุ กรดซัลฟิวริก รั่วไหลที่ลาว
80 6 เม.ย. 2567
​โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ สั่งการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณเที่ยวบินช่วงเทศกาลสงกรานต์ 11 – 17 เมษายน 2567 เพิ่มขึ้น 20%
84 6 เม.ย. 2567
โฆษกฯ เผย รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา กยศ. ปรับโครงสร้างลูกหนี้ กว่า 3.5 ล้านราย เก็บดอกเบี้ยไม่เกิน 1% ต่อปี ลดเบี้ยปรับไม่เกินร้อยละ 0.5% ต่อปี ไม่ต้องมีผู้ค้ำทุกกรณี
979 31 มี.ค. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน