กระทรวงสาธารณสุข เผย ประชุมหารือร่วม ก.พ. แก้ปัญหาภาระงาน ความก้าวหน้า และขวัญกำลังใจบุคลากร เล็งเพิ่มตำแหน่งข้าราชการแต่ละวิชาชีพให้เต็มกรอบขั้นสูงในปี 2569 หาแนวทางปลดล็อกความก้าวหน้าชำนาญการพิเศษของ “พยาบาล” ขยายการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านในศูนย์แพทย์ฯ ของกระทรวง เพื่อให้แพทย์อยู่ในภูมิภาค และจะเสนอแพทยสภาขอจัดสรรแพทย์ใช้ทุนเพิ่มเป็น 85% ของที่ผลิตแต่ละปี และเพิ่มการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทให้ได้แพทย์เข้าระบบปีละ 2 พันคน เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมกับ ก.พ. ให้เห็นความคืบหน้าใน 30 วัน
วันนี้ (20 มิถุนายน 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายรณภพ ปัทมะดิษ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ดร.ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ ก.พ. เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข
นพ.โอภาสกล่าวว่า ปัจจุบันภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก ทั้งจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุ การให้บริการผู้ป่วยยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่กำหนดให้การบำบัดดูแลผู้ติดยาเสพติดเป็นบทบาทหน้าที่หลักของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประมาณการณ์ว่าจะมีมากถึง 1 ล้านคน การถ่ายโอน รพ.สต. ที่พบปัญหาว่าบางแห่งยังไม่สามารถจัดบริการตามที่ประชาชนคาดหวังได้ ทำให้กลับมารับบริการที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น รวมทั้งประชาชนก็มีความคาดหวังต่อรับบริการสาธารณสุขมากขึ้น ทั้งความครอบคลุมด้านสถานที่ คุณภาพ และห้วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งแม้กระทรวงจะเพิ่มบุคลากรสาธารณสุขมากขึ้น แต่ยังไม่ทันกับภาระงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่าต้องมีการวางแนวทางปฏิบัติ วิธีการและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อมาแก้ไขปัญหา
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมในวันนี้มีความก้าวหน้าสำคัญ คือ 1.เห็นชอบที่จะมีการเพิ่มตำแหน่งข้าราชการแต่ละวิชาชีพให้ได้ตามกรอบขั้นสูงที่กำหนด ภายในปี 2569 เช่น แพทย์ปัจจุบันมี 24,649 คน เพิ่มเป็น 35,578 คน พยาบาลปัจจุบันมี 116,038 คน เพิ่มเป็น 175,923 คน เป็นต้น 2.การดูแลเรื่องความก้าวหน้าในวิชาชีพ เช่น วิชาชีพพยาบาล ที่ไม่สามารถขึ้นเป็นระดับชำนาญการพิเศษได้เนื่องจากไม่ตรงตามข้อกำหนดในระเบียบ จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อดูเกณฑ์ที่ติดขัดว่าผ่อนปรนได้หรือไม่ 3.การจัดสรรบุคลากรให้เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์ รวมทั้งจะเสนอแพทยสภาในการศึกษาต่อแพทย์ประจำบ้าน ให้เพิ่มการฝึกอบรมในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 48 แห่งของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นสถานฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านมากขึ้น เพื่อคงอัตรากำลังแพทย์ไว้ในพื้นที่ และเสนอ ก.พ. ไม่นับเป็นการลาศึกษาต่อ เนื่องจากเป็นการไปฝึกปฏิบัติงานในอีกหน่วยบริการหนึ่ง เพื่อให้ไม่เป็นข้อจำกัดในการเลื่อนขั้นเลื่อนระดับ
4.การจัดสรรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ (แพทย์ใช้ทุนปี 1) ให้เพียงพอกับภาระงาน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงฯ ได้รับจัดสรรไม่ถึง 70% จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ (Consortium) ขอรับการจัดสรรเพิ่มเป็น 85% และ 5.โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) พบว่าแพทย์คงอยู่ในระบบมากถึง 90% ดังนั้นจะขยายการผลิตให้ได้แพทย์ภาพรวมแต่ละปีประมาณ 2 พันคน ตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่ง 2 เรื่องนี้จะมีการเสนอกับแพทยสภาต่อไป โดยหลังจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข และ ก.พ. จะมีการตั้งคณะกรรมการในระดับปฏิบัติการ เพื่อร่วมกันทำงานในการแก้ไขปัญหา ข้อติดขัดต่างๆ ให้มีความคืบหน้าภายใน 30 วัน
************************************************* 20 มิถุนายน 2566