วันนี้ (5 กรกฎาคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 มีมติเห็นชอบอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. 2561 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจงกรณีสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด
เนื่องจากปัจจุบันปรากฎว่า มีรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ บางแห่งไปจัดตั้งหรือไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลต่าง ๆ โดยมีเจตนาและวัตถุประสงค์ให้มีภารกิจหลักเพื่อให้มารองรับการดำเนินการในภารกิจหรือกิจกรรมของรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ที่เป็นผู้จัดตั้ง หรือไปเป็นผู้ถือหุ้นนั้นโดยตรง แล้วเลือกจัดซื้อจัดจ้างกับบริษัทที่ตนจัดตั้งขึ้นหรือถือหุ้นอยู่โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง เพื่อที่จะไม่ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป หรือวิธีการคัดเลือก ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันมิให้รัฐวิสาหกิจหลีกเลี่ยงการปฎิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยใช้ช่องว่างของกฎหมายไปจัดซื้อจัดจ้างบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานเดียวกัน จึงจำเป็นต้องแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. 2561 โดยกำหนดให้เพิ่มอัตราร้อยละในการถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในรัฐวิสาหกิจ หรือนิติบุคคลในเครือจากเดิมร้อยละ 25 เป็นร้อยละ 50 เพื่อให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้จัดซื้อจัดจ้างกับบริษัทหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานเดียวกัน เนื่องจากมีภารกิจเกี่ยวข้องกันโดยตรงและไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องนี้มิได้เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีกระทำการอันเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป คณะรัฐมนตรีจึงสามารถพิจารณาอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงดังกล่าวได้โดยที่เรื่องนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการบริหารราชการแผ่นดิน