ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus, HCV) ติดต่อได้อย่างไร และจะป้องกันอย่างไร ?

21 มิ.ย. 2559 เวลา 13:27 | อ่าน 7,576
แชร์ไปยัง
L
 
ไวรัสตับอักเสบซีคืออะไร
ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus: HCV) พบประมาณ 130-150 ล้านคนทั่วโลก และพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านคนในแต่ละปี เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี เป็นไวรัสตัวเดียวในจีนัส Hepacivirus โดยเป็นอาร์เอนเอไวรัสสายบวก (positive stranded RNA virus) ไวรัสตับอักเสบซีมี 6 สายพันธุ์ ได้แก่ 1 (โดยแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ 1a และ 1b), 2, 3, 4, 5 และ 6 โดยสายพันธุ์ที่พบมากทั่วโลก คือสายพันธุ์ 1 และสายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทยคือสายพันธุ์ 1 และ 3 การรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแต่ละสายพันธุ์นั้นใช้สูตรยา ขนาดและระยะเวลาในการรักษาต่างกัน และผลสำเร็จในการรักษาก็ต่างกันด้วย

ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C Virus, HCV) ติดต่อได้อย่างไร และจะป้องกันอย่างไร

ไวรัสตับอักเสบซีติดต่ออย่างไร
โรคไวรัสตับอักเสบซีติดต่อจากเลือดสู่เลือด (blood to blood contact) เท่านั้น เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับเลือดของผู้ที่ติดเชื้อ การสักร่างกาย เป็นต้น สำหรับการติดเชื้อโดยวิธีอื่น เช่น ทางเพศสัมพันธ์ การถ่ายทอดจากมารดาไปสู่ทารกพบได้น้อยมาก ส่วนการดื่มน้ำโดยใช้แก้วร่วมกัน การจูบกอด การสัมผัสร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ

เมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแล้วจะมีอาการอย่างไร ?
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบฉับพลัน (acute infection) ส่วนมากไม่แสดงอาการทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าได้รับเชื้อเข้าไปในร่างกายแล้ว แต่ในผู้ป่วยบางคนอาจพบอาการไข้คล้ายเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตัวเหลืองตาเหลือง โดย15%ของผู้ติดเชื้อจะสามารถหายได้เอง โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี จะมีการโอกาสพัฒนาของโรคน้อยและร่างกายสามารถกำจัดเชื้อได้เอง แต่ 85%ของผู้ป่วยจะกลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรัง (chronic infection) ซึ่ง 20% ของผู้ป่วยจะมีการอักเสบของตับ ซึ่งการดำเนินอาการของโรคค่อยๆรุนแรงขึ้น และภายในเวลา 10-30 ปี จะเกิดเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ ต้องเปลี่ยนถ่ายตับ และบางรายเสียชีวิตได้ โดยผู้ป่วยภูมิต้านทานต่ำจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ผู้ติดเหล้า และผู้สูงอายุ จะมีความเสี่ยงที่โรคจะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าไวรัสตับอักเสบซีเหมือนเป็นภัยเงียบเพราะกว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวว่าติดเชื้อก็เมื่อมีการดำเนินของโรครุนแรงแล้ว ซึ่งทำให้ยากต่อการรักษา

ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซีหรือไม่
จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี


จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
การตรวจเลือดเป็นวิธีเดียวในการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ โดยตรวจหาแอนตี้บอดี้ของไวรัสตับอักเสบซี (antibody-HCV) และตรวจหาปริมาณอาร์เอนเอของไวรัส (HCV-RNA) เพื่อดูระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ นอกจากนี้ ก่อนเริ่มให้การรักษาต้องตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อเพื่อใช้วางแผนการรักษาให้เหมาะสม รวมทั้งประเมินระดับการทำงานของตับ ความรุนแรงของอาการอักเสบและการเกิดพังผืดที่ตับเพื่อตรวจดูความรุนแรงของโรค โดยวัดปริมาณเอมไซม์ตับ เช่น AST, ALT METAVIR score เป็นต้น


ยารักษาไวรัสตับอักเสบซี

เมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแล้วจะรักษาอย่างไร
เป้าหมายการรักษาในปัจจุบัน คือ การกำจัดเชื้อให้หายขาดอย่างถาวร โดยประเมินจากจำนวนเชื้อไวรัสในเลือดหลังการรักษาด้วยยา การทำให้พยาธิสภาพของตับดีขึ้น ทำให้ตับอักเสบหายไป ป้องกันตับแข็งและมะเร็งตับ

ยามาตรฐานที่มีในประเทศไทยในปัจจุบันได้แก่
1. Pegylated interferon alfa-2a และ alfa-2b ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง

2. Ribavirin รับประทาน ขนาด 800-1200 มิลลิกรัม/วัน

3. Boceprevir รับประทาน ขนาด 800 มิลลิกรัม/วัน วันละ 3 ครั้ง

4. Sofosbuvir รับประทานขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง

5. Daclatasvir รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง

6. Ledipasvir รับประทานขนาด 90 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง


เนื่องจากเชื้อไวรัสเกิดการดื้อยาได้ง่าย การใช้ยารักษาต้องใช้ยาหลายชนิดที่มีกลไกการออกฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสในแตกต่างกันร่วมกัน ซึ่งการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแต่ละสายพันธุ์จะมีสูตรยาที่ใช้รักษาและเวลาการรักษาแตกต่างกันด้วย โดยทั่วไปใช้เวลารักษานาน 12-48 เดือน แต่ในระหว่างการรักษา แพทย์จะประเมินผลการรักษาเป็นระยะ เพื่อปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย และปัจจุบันมียาใหม่ๆซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบซีโดยตรง ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้เวลาในการรักษาสั้นกว่าเดิม



บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน โดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วิลาสินี หิรัญพานิช ซาโตะ
(สอบทานความสมบูรณ์และถูกต้อง : รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์)
ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก : http://i.huffpost.com/gen/1387878/images/o-LIVER-facebook.jpg www.yaandyou.net


21 มิ.ย. 2559 เวลา 13:27 | อ่าน 7,576


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
รองนายกฯสมศักดิ์-กฤษฎา-อนุชา ถก คณะทำงานโครงการโคแสนล้าน ได้ข้อยุติ ธ.ก.ส.ให้อัตราดอกเบี้ย 4.5% ปลอดดอกเบี้ย 2 ปีแรก ชี้ วัวเป็นหลักประกันได้ เตรียมนำข้อสรุปชงคณะรัฐมนตรี
52 27 มี.ค. 2567
ครม.เห็นชอบ กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็นไม่เกิน 98 วัน
96 27 มี.ค. 2567
สมศักดิ์ เผย ยกเลิกประกาศ-คำสั่ง คสช. คืบหน้าแล้ว ล็อตแรกนำร่อง 20 ฉบับ จ่อชงคณะรัฐมนตรี เคาะ เม.ย.นี้ ย้ำ หากหน่วยงานมีความเห็นให้ยกเลิกเพิ่ม ก็จะตามไปในล็อตสอง
13 26 มี.ค. 2567
โฆษกรัฐบาลเชื่อมั่นรายได้ชาวนาปีนี้เพิ่มแน่ เป็นไปตามความตั้งใจรัฐบาลสร้างรอยยิ้มให้ชาวนา
9 26 มี.ค. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 24-30 มีนาคม 2567
302 24 มี.ค. 2567
สธ.จ่อหารือ ก.พ.เพิ่มความก้าวหน้า “เภสัชกร” เลื่อนไหลเป็น “ชำนาญการพิเศษ” ได้ทุกตำแหน่ง
593 23 มี.ค. 2567
“คารม” เผย ขั้นตอนแก้ไข หากโทรศัพท์มือถือโดนรีโมตควบคุมจากระยะไกล แนะห้ามกดลิงก์หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่ได้อยู่ใน APP Store หรือ Play Store
694 23 มี.ค. 2567
“คารม” เผย สำนักงานสลากฯ เพิ่มช่องทางจำหน่ายสลาก อำนวยความสะดวกผู้ขายและผู้ซื้อ ผ่านเว็บไซต์
427 23 มี.ค. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 17-23 มีนาคม 2567
848 17 มี.ค. 2567
โฆษกรัฐบาล เผย ผลงานนายกฯ ดันราคายางสูงขึ้นทะลุ 90 บาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 7 ปี
46 13 มี.ค. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน