ลดความอ้วนอย่างไรไม่เกิดอันตราย

7 ก.ย. 2562 เวลา 22:24 | อ่าน 2,016
 
ลดความอ้วนอย่างไรไม่เกิดอันตราย

โรคอ้วน เป็นปัญหาสำคัญที่พบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และอาหารในปัจจุบัน เป็นปัจจัยส่งผลให้เกิดภาวะดังกล่าว



จากการรับประทานอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย รับประทานอาหารจุกจิก หลายมื้อ หรือรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ (ให้พลังงาน) สูง ร่วมกับมีกิจกรรมทางกายลดลง หันไปใช้เครื่องผ่อนแรง เช่น บันไดเลื่อน ลิฟต์ หรือยานพาหนะแทน รวมไปถึงขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ


ปัจจุบันโรคอ้วนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กก็พบปัญหาเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุง (metabolic syndrome) มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง นิ่วในถุงน้ำดี โรคหัวใจและหลอดเลือด


ลดความอ้วนอย่างไรไม่เกิดอันตราย

การวินิจฉัยโรคอ้วน และโรคอ้วนลงพุง


โรคอ้วนสามารถวินิจฉัยได้ จากการคำนวณค่าดัชนีมวลกาย (body mass index, BMI) โดยใช้ น้ำหนัก หารด้วยส่วนสูง หน่วยเป็น เมตร ยกกำลังสอง [BMI = น้ำหนัก (กก) / ส่วนสูง (ม)2 ] หากมีค่าดัชนีมวลกาย ≥ 23 กก./ม2 จัดว่ามีน้ำหนักตัวเกิน (overweight) และ หากมีค่าดัชนีมวลกาย ≥ 25 กก./ม2 จัดว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง


สำหรับคนไทย เส้นรอบเอวเพศชาย ไม่ควรมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร (36 นิ้ว) และ เพศหญิง ไม่ควรมีรอบเอวเกิน 80 เซนติเมตร (32 นิ้ว)


วิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ได้ผล


การลดน้ำหนัก ประกอบด้วย การคุมอาหารและออกกำลังกาย หรืออาจพิจารณาใช้ยาลดน้ำหนักร่วมด้วย สําหรับการผ่าตัดลดน้ำหนัก แพทย์จะใช้เฉพาะผู้มีดัชนีมวลกาย ≥ 40 กก./ม2 หรือ เกิน 35 กก./ม2 ที่มีภาวะโรคเรื้อรังจากความอ้วน ( obesity related comorbidities) ร่วมด้วย


ว่าไปแล้วหากลดแคลอรี่จากอาหารที่รับประทานลงวันละประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ จะสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ยสัปดาห์ละ ครึ่งกิโลกรัม หรือ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน


สูตรอาหารลดน้ำหนักมีหลายชนิด ซึ่งมีประสิทธิภาพลดน้ำหนักในระยะสั้นแตกต่างกัน แต่ในระยะยาว ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักคล้ายคลึงกัน หากสามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ


อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ หากจะลดน้ำหนักโดยใช้สูตรลดแป้ง หรือโลว์คาร์บ (low carbohydrate) และสูตรอาหารคีโตเจนิค (ketogenic diet) เนื่องจากอาจมีความจําเป็นต้องปรับยาเบาหวาน เพื่อลดการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำ และเฝ้าระวังการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (DKA) โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1


ลดความอ้วนอย่างไรไม่เกิดอันตราย

ให้เราสังเกตดู เมื่อลดน้ำหนักโดยควบคุมอาหารไปสักระยะหนึ่ง น้ำหนักจะลดช้าลง เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อลดลง การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และไม่ให้น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้นอีก หรือที่เรียกว่าภาวะ “โยโย่”


การออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ทำได้ง่ายๆ โดยเดินเพิ่มขึ้น อาจเดินพื้นราบ เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน ถีบจักรยานระยะทางสั้น ๆ นอกจากออกกำลังกายแล้ว ยังลดมลภาวะจากน้ำมันรถได้อีกด้วย


สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีการโฆษณาในสื่อต่างๆ และอ้างถึงสรรพคุณในการลดน้ำหนักนั้น ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ยา แต่เป็น “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ซึ่งจัดเป็นอาหารประเภทหนึ่งตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 กล่าวคือ องค์ประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านั้น ร่างกายสามารถได้รับจากการรับประทานอาหารโดยทั่วไป แม้ว่ารูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะใกล้เคียงกับยา แต่ไม่ใช่ยา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของร่างกายได้ และไม่สามารถรักษาหรือบรรเทาความเจ็บป่วยหรือโรคใด ๆ ได้


ดังนั้น การใช้ยาลดน้ำหนัก ควรใช้ภายใต้คําแนะนําของแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยติดตามผลการรักษาและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากยาลดน้ำหนักบางชนิดมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท และอาจมีผลข้างเคียงต่อระบบประสาทและอารมณ์ เช่น


ยาเฟนเทอร์มีน (phentermine)เป็นอนุพันธ์ของสารแอมเฟตามีน ออกฤทธิ์ต่อสมองทําให้ลดความอยากอาหาร เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีผลข้างเคียงทําให้ปากคอแห้ง ใจสั่น นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และได้รับการรับรองให้ใช้ในระยะสั้น คือ ไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น


ส่วนยาลดน้ำหนักชนิดฉีด เช่น ยาลิรากลูไทด์ (liraglutide) อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น


ยาไซบูทรามีน (sibutramine) ออกฤทธ์ต่อระบบประสาททําให้เบื่ออาหาร ปัจจุบันถูกถอนทะเบียนยา และไม่อนุญาติให้ใช้แล้วในประเทศไทย เนื่องจากอาจทําให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อผู้เป็นโรคหัวใจ ปัจจุบันสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังคงตรวจพบว่ามีการลักลอบใส่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อวดอ้างสรรพคุณในการลดน้ำหนัก ซึ่งมีรายงานการเกิดอันตรายรุนแรงต่อผู้บริโภค ถึงขั้นเสียชีวิต


โดยสรุปหลักสำคัญของการลดน้ำหนัก ประกอบด้วย การควบคุมอาหาร ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การอดอาหาร แต่เป็นการควบคุมให้ปริมาณแคลอรี่ที่รับเข้าไปสมดุลกับที่พลังงานถูกนำไปใช้ ฝึกการรับประทานให้เป็นเวลา วันละ 3 มื้อ และไม่กินพร่ำเพรื่อระหว่างมื้อ ลดของหวาน ขนมหวาน และน้ำหวานต่าง ๆ การใช้ยาลดน้ำหนักต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากหากใช้ผิดวิธี อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้


นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการออกกำลังกาย และเพิ่มกิจกรรมทางกาย โดยพยายามลุกขึ้นเดิน แทนที่จะนั่งตลอด

เราเชื่อว่าคุณทำได้ ลงมือเสียแต่วันนี้เถอะค่ะ


รศ.พญ.นันทกร ทองแตง
ผศ.นพ.พรพจน์ เปรมโยธิน
ภาควิชาอายุรศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

7 ก.ย. 2562 เวลา 22:24 | อ่าน 2,016
กำลังโหลด ...


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
ดวงกับดาวประจำวันที่ 4-10 พฤษภาคม 2568
64 4 พ.ค. 2568
ความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ รอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568
35 29 เม.ย. 2568
ครม. เห็นชอบโครงการสลากการกุศล เพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลฯ
32 29 เม.ย. 2568
ออมสินร่วมฉลอง 150 ปี ก.คลัง จัดโปรแรง เงินฝาก 150 วัน ดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 2.55% ต่อปี
35 28 เม.ย. 2568
ดวงกับดาวประจำวันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2568
53 27 เม.ย. 2568
สัปดาห์นี้รับมืออากาศร้อนจัด แนะกลุ่มเสี่ยง - ผู้ใช้แรงงาน เลี่ยงการทำงานกลางแจ้งต่อเนื่อง พักผ่อนและดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
47 27 เม.ย. 2568
ยูเนสโกยกย่อง 3 มรดกไทย สมุดไทยคำหลวง – พระเจ้าช้างเผือก – เอกสารอาเซียน
35 26 เม.ย. 2568
รัฐบาลนำสื่อสัญจรติดตามโครงการ นาหว้าโมเดล
40 26 เม.ย. 2568
ด่วน..!!ผลตอบแทนดี.. รัฐบาลเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ปี 68
104 24 เม.ย. 2568
รัฐบาลย้ำเด็กทุกคนต้องมีที่เรียน!....สพฐ. ยืนยันโรงเรียนยังรับ นร. ม.1 - ม.4 ได้อีก 3 แสนคน
58 24 เม.ย. 2568
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ไอเดียบ้านสวย
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน
กำลังโหลด ...