ครีมกำจัดขน: ใช้เป็นประจำ มีอันตรายหรือไม่?

22 เม.ย. 2560 เวลา 18:33 | อ่าน 5,105
 
ความสวยงามบนเรือนร่างของหญิงและชาย เป็นจุดสนใจของเจ้าของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมักให้ความสนใจกับความเกลี้ยงเกลาของเรือนร่าง จึงไม่ต้องการให้มีเส้นขนโผล่ตามผิวหนังไม่ว่าจะเป็น แขน ขา ใต้วงแขน หรือแม้แต่ในร่มผ้า ดังนั้นจึงต้องมีวิธีกำจัดเส้นขนตามร่างกายที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งวิธีทั่วไปที่ใช้กันในปัจจุบัน มี 3 วิธีคือ

ครีมกำจัดขน: ใช้เป็นประจำ มีอันตรายหรือไม่?


1. ใช้ครีมกำจัดเส้นขน (Dipilatories)

2. ใช้วิธีถอนเส้นขนออกทั้งราก (Epilation) โดยใช้อุปกรณ์ช่วย หรือใช้แวกซ์ถอนขน

3. ใช้อุปกรณ์การแพทย์ เช่น แสงเลเซอร์


สองวิธีแรกมีใช้กันมาตั้งแต่อดีตเพราะง่ายและประหยัด ส่วนวิธีที่ 3 เป็นการใช้อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ลงมือทำให้ ค่าใช้จ่ายก็ต้องแพงเป็นธรรมดา ดังนั้นผลิตภัณฑ์ประเภทครีมกำจัดเส้นขนจึงเป็นที่นิยมมากที่สุด รูปแบบที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดมีทั้ง เจล ครีม โลชั่น แอโรโซลชนิดสเปรย์ โรยออน และรูปแบบแป้งฝุ่นโรยผิว นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใช้มานานตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน เพียงแต่สูตรครีมชนิดนี้ในอดีต อาจมีกลิ่นฉุนรุนแรงของทั้งกรดและด่าง แต่ในปัจจุบันได้พัฒนาให้มีกลิ่นฉุนลดลง

กลไกการทำงานของ ผลิตภัณฑ์กำจัดเส้นขน
ครีมกำจัดเส้นขน มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีความเป็นด่างสูง คือ แคลเซี่ยม ไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีอยู่ในเนื้อครีมปริมาณมาก และตัวยา แคลเซี่ยม ไทโอไกลโคเลท (Calcium thioglycolate) หรือ (sodium thioglycolate) เส้นขนของคนเรามีโครงสร้างหลักคือโปรตีน เรียกว่า "คีราติน โปรตีน" (keratin protein) ในปริมาณ 65%-95% ทำให้เส้นขนหรือเส้นผมแข็งแรง ตัวยาไทโอไกลโคเลท จะมีกลิ่นฉุนและมีฤทธิ์เป็นด่างสูง จะทำหน้าที่ละลายโครงสร้างคีราตินโปรตีนของเส้นขนที่อยู่เหนือผิวหนัง ทำให้เส้นขนนุ่มลงและถูกตัดขาดจากรากขนหรือส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังได้ง่าย ทำให้เช็ดออกได้ง่าย แต่รากเส้นขนยังคงอยู่ในชั้นผิวหนัง ผิวหนังชั้นบนสุดก็ประกอบด้วยโครงสร้างคีราตินโปรตีนเช่นเดียวกับเส้นขน ดังนั้นครีมกำจัดขน จึงไม่ควรทาค้างไว้บนผิวหนังนานๆ เพราะตัวยาจะไปทำลายเซลผิวหนังด้วย ทำให้ระคายเคืองได้


ข้อดี
● เป็นวิธีที่ประหยัด

● ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงทาครีมบนผิวหนังทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วเช็ดออก เป็นวิธีที่ไม่เจ็บปวดเลย

● ทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีประสพการณ์หรือไม่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วยในขณะที่ทำ

● ผลิตภัณฑ์ในท้องตลาด มีหลายความเข้มข้นให้เลือกซื้อสำหรับเส้นขนที่หนาและแข็ง อาจต้องใช้ชนิดความเข้มข้นสูงสำหรับผู้ที่มีเส้นขนไม่หนาและอ่อน ควรเริ่มต้นเลือกทดลองใช้ความเข้มข้นที่น้อยที่สุดก่อน

● หาซื้อได้ง่ายทั่วไป


ข้อเสีย
● ได้ผลในระยะสั้นๆเท่านั้น เส้นขนจะกลับเจริญเติบโตขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วภายใน 2-5 วันเท่านั้น

● ผู้ที่มีเส้นขนสีดำ อาจจะมองเห็นเป็นรอยดำๆบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสีดำของเส้นขนที่ตกค้างอยู่ใต้ผิวหนังที่ยังคงอยู่นั่นเอง

● ผลิตภัณฑ์มักมีกลิ่นฉุนและเลอะเทอะเวลาใช้ แม้ว่าหลายยี่ห้อได้พัฒนาสูตร แต่ยังมีกลิ่นเคมีหลงเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย

● ระคายเคืองผิวหนัง เนื่องจากมีความเป็นด่างสูง


ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
1. เนื่องจากชั้นของผิวหนังมีองค์ประกอบของโปรตีนคีราตินเช่นเดียวกับโปรตีนของเส้นขนหรือเส้นผม ดังนั้นเคมีในเนื้อครีมจะทำลายโปรตีนชั้นผิวหนังที่สัมผัสตัวยาเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเนื้อครีมกำจัดเส้นขนถูกพอกทิ้งไว้นานเกินไป ผิวหนังจะระคายเคือง และอักเสบได้

2. ก่อนการใช้งาน ควรทดสอบอาการแพ้หรือไม่แพ้ด้วยตนเองบนผิวหนังบริเวณเล็กๆ โดยทาเนื้อครีมในบริเวณที่ต้องการกำจัดขน ทิ้งไว้สัก 10-15 นาที หรือตามที่ระบุไว้บนฉลาก จากนั้นเช็ดเนื้อครีมออกด้วยกระดาษหรือผ้าชื้น และสังเกตุอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการไหม้ แต่อาจมีเพียงแดงเล็กน้อย แสดงว่าสามารถใช้ครีมดังกล่าวสำหรับกำจัดเส้นขนได้โดยไม่เกิดอันตราย แต่หากมีอาการไหม้ และปวดแสบปวดร้อน ไม่ควรใช้ต่อ

3. สถาบันประเมินความเสี่ยงจากการใช้สินค้าของผู้บริโภค ประเทศเยอรมนี (BfR) ได้ออกมาเตือนการใช้ครีมกำจัดขนชนิดนี้ว่า ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองไม่มากก็น้อยต่อผิวหนังบริเวณที่ใช้ได้ และหากมีการใช้เป็นประจำ และใช้ซ้ำบ่อยๆในบริเวณเดียวกัน อาจระคายเคืองมากได้ และไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำบ่อยๆในบริเวณเดียวกัน เช่น มีการพอกบนผิวหนังทุก 2-5 วันซ้ำ เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงขึ้น อาการระคายเคืองที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความเป็นด่างสูงหรืออาจเกิดจากสารเคมีไทโอไกลโคเลทเองซึ่งยังไม่มีข้อสรุป

4. ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีข้อบ่งใช้เฉพาะกำจัดเส้นขนตามแขนและขาเท่านั้น ไม่ควรใช้กับใบหน้าเพื่อกำจัดหนวด เครา หรือขนคิ้วเด็ดขาด รวมถึงบริเวณที่ลับใต้ร่มผ้า หรือผิวหนังบริเวณใกล้อัวยวะเพศ หรือเส้นขนในรูจมูก ซึ่งเป็นผิวหนังอ่อนไหวและชั้นหนังกำพร้าบาง จะเป็นอันตรายได้ง่าย ผู้บริโภคควรอ่านฉลากกำกับ และใช้ตามข้อแนะนำในฉลากเท่านั้น

โดย
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. พิมลพรรณ พิทยานุกุล
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก : http://130.211.119.163//wp-content/uploads/2015/05/hair-removal-cream.jpg


22 เม.ย. 2560 เวลา 18:33 | อ่าน 5,105
กำลังโหลด ...


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
ดวงกับดาวประจำวันที่ 4-10 พฤษภาคม 2568
95 4 พ.ค. 2568
ความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ รอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568
40 29 เม.ย. 2568
ครม. เห็นชอบโครงการสลากการกุศล เพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลฯ
33 29 เม.ย. 2568
ออมสินร่วมฉลอง 150 ปี ก.คลัง จัดโปรแรง เงินฝาก 150 วัน ดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 2.55% ต่อปี
37 28 เม.ย. 2568
ดวงกับดาวประจำวันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2568
57 27 เม.ย. 2568
สัปดาห์นี้รับมืออากาศร้อนจัด แนะกลุ่มเสี่ยง - ผู้ใช้แรงงาน เลี่ยงการทำงานกลางแจ้งต่อเนื่อง พักผ่อนและดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
49 27 เม.ย. 2568
ยูเนสโกยกย่อง 3 มรดกไทย สมุดไทยคำหลวง – พระเจ้าช้างเผือก – เอกสารอาเซียน
35 26 เม.ย. 2568
รัฐบาลนำสื่อสัญจรติดตามโครงการ นาหว้าโมเดล
40 26 เม.ย. 2568
ด่วน..!!ผลตอบแทนดี.. รัฐบาลเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ปี 68
108 24 เม.ย. 2568
รัฐบาลย้ำเด็กทุกคนต้องมีที่เรียน!....สพฐ. ยืนยันโรงเรียนยังรับ นร. ม.1 - ม.4 ได้อีก 3 แสนคน
65 24 เม.ย. 2568
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ไอเดียบ้านสวย
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน
กำลังโหลด ...