ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2560 ข้อ 7 กำหนดให้ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ในปีงบประมาณถัดไปลงทะเบียนและยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
เนื่องจากช่วงระยะเวลาของการลงทะเบียนมีระยะเวลายาวถึง 11 เดือน ทำให้มีการลงทะเบียนคล่อมปีงบประมาณถึง 2 ปีงบประมาณ ซึ่งต้องมีการแบ่งเป็นช่วงการลงทะเบียน ดังนี้
1.
ลงทะเบียนช่วงเดือน มกราคม – กันยายน 2561 จะเป็นปีงบประมาณ 2561 ปีงบประมาณถัดไป คือ ปีงบประมาณ 2562
2.
ลงทะเบียนช่วงเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน 2561 จะเป็นปีงบประมาณ 2562 ปีงบประมาณถัดไป คือ ปีงบประมาณ 2563
ดังนั้น ปลัดกระทรวงมหาดไทยอาศัยอำนาจตามข้อ 5 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 จึงกำหนดหลักเกณฑ์การลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนี้
1. การยื่นคำขอลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561)
1) ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 6 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ที่มาลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 (1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป)
2) ผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป (ปีงบประมาณ 2562) ที่มาลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
2. การยื่นคำขอลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2561 (ปีงบประมาณ 2562)
ผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้วแต่ยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ที่ไม่มาลงทะเบียนในช่วงเวลาตามข้อ 1 และมาลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตั้งแต่ตุลาคม – พฤศจิกายน 2561 (1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป)
เจตนารมณ์เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับสวัสดิการเบี้ยยังชีพให้ตรงตามเวลาและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 โดยผู้สูงอายุเมื่อมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้วย่อมมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามสิทธิที่พึงได้รับ ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิประโยชน์เป็นอย่างมาก
สำหรับประเด็นคำถาม ขอตอบได้ ดังนี้
1. ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2560 โดยขยายเวลาการเปิดรับลงทะเบียนผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงพฤศจิกายนซึ่งเป็นการรับลงทะเบียนรายใหม่ และสำหรับการนับอายุของบุคคลที่กำหนดให้ผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 ตุลาคม เป็นผู้มีสิทธิลงทะเบียนได้นั้น เป็นไปตามนัยมาตรา 16 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
2. การลงทะเบียนผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบดังกล่าวนั้น ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติครบถ้วน คือผู้ที่เกิดก่อน 2 ตุลาคม 2502 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สามารถลงทะเบียนได้ ทำให้ผู้สูงอายุรายใหม่ที่ลงทะเบียนได้ประโยชน์ตามสิทธิที่พึงจะได้รับ และไม่กระทบต่อสิทธิของผู้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายเดิม
3. ตามข้อ 1.3.1 ในแนวทางการรับลงทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพ ผู้ที่จะได้รับเงินในเดือน ตุลาคม 2561 (ปีงบประมาณ 2562) คือผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแล้ว แต่สำหรับ ข้อ 2) ระบุไว้ว่า ผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณ 2562 ที่มาลงทะเบียนตั้งแต่เดือนมกราคม – กันยายน 2561 ไม่สามารถรับเงินเบี้ยยังชีพตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ได้เนื่องจากอายุยังไม่ถึง 60 บริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อถึงเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก็จะทำให้มีสิทธิได้รับในเดือนถัดไป เช่น ผู้สูงอายุเกิด เดือนมกราคม 2502 ปัจจุบันมีอายุ 59 ปี และได้มาลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ โดยจะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในเดือนมกราคม 2562 จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ คือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
4. การลงทะเบียนในเดือน มกราคม – กันยายน 2561 (ปีงบประมาณ 2561) เป็นการลงทะเบียนเพื่อรับเบี้ย ยังชีพผู้สูงอายุในปีงบประมาณถัดไป คือปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป) ดังนั้น ผู้สูงอายุที่จะมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป (ปีงบประมาณ 2562) จะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไปจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ มีผลทำให้ผู้สูงอายุจะได้รับเงินเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องรอให้ถึงเริ่มปีงบประมาณใหม่ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ
5. เนื่องจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เป็นการแก้ไขระเบียบเพื่อพัฒนากฎหมายให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากขึ้น และเป็นการลงทะเบียนผู้สูงอายุรายใหม่ ซึ่งไม่มีผลกระทบกับผู้สูงอายุรายเดิมที่รับเบี้ยยังชีพเป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับระบบสารสนเทศได้มีการปรับปรุงตามระเบียบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
................................................
ประเด็นคือคนไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือ....จริงๆ คำตอบมีอยู่หมดแล้วในหนังสือเวียนแจ้ง ที่ทุกจังหวัดทุกท้องถิ่นต้องได้รับ ...เมื่อวานนี้มีถามมาเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุหลายคน โดยใช้วิธีการ flood กระทู้คำถามเข้ามาเต็มเพจ ซึ่งผมมีความรู้สึกว่าวิธีการแบบนี้ไม่ค่อยน่ารัก เพราะโพสต์เหล่านี้ไปกระทบหรือสร้างความรำคาญกับแฟนเพจกลุ่มอื่น ๆ ด้วยข้อความที่ซ้ำๆ กันที่แสดงอยู่หน้าแชทหรือกระดานสนทนา..ผมมีคำตอบแบบยาวนิด ขยันอ่านกันหน่อยนะครับ
ข่าวเกี่ยวกับเบี้ยยังชีพผุ้สูงอายุ
https://www.sorbdee.net/form_show_allnews.php?idsara=1130
ข้อมูลจาก แฟนเพจ Suttipong Juljarern