คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) รวมทั้งสิ้น 2,411 อัตรา ตามมติ คปร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ดังนี้
1. สำนักงานปลัดกระทรวง สธ. จำนวน 2,136 อัตรา
2. กรมราชทัณฑ์ ยธ. จำนวน 275 อัตรา
สำหรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคคลของส่วนราชการดังกล่าวให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงบประมาณ (สงป.) กำหนด
สาระสำคัญของเรื่อง
สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วม คปร. รายงานว่า
1. คปร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 มีมติเห็นชอบการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวง สธ. และกรมราชทัณฑ์ ยธ. โดยมีเงื่อนไขไม่ให้สำนักงานปลัดกระทรวง สธ. และกรมราชทัณฑ์ ยธ. นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรมายุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอื่นเป็นระดับที่สูงขึ้น ดังนี้
1.1 สำนักงานปลัดกระทรวง สธ.
2,136 อัตรา (ปฏิบัติภารกิจการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชาชนในส่วนภูมิภาค รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย)
2,136 อัตรา
(นายแพทย์ 1,741 อัตรา และทันตแพทย์ 395 อัตรา ระดับปฏิบัติการ หรือชำนาญการ หรือชำนาญการพิเศษ)
สาระสำคัญ
1) ให้ อ.ก.พ. สธ. กำหนดตำแหน่งโดยให้มีผลย้อนหลังไปไม่ก่อนวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่นักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ได้มารายงานตัวเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ และปฏิบัติงานชดใช้ทุนในโรงพยาบาลตามที่ สธ. กำหนด
2) ให้ อ.ก.พ. สธ. นำตำแหน่งที่ต้องทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่นตามมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2562 - 2565) มากำหนดเป็นข้าราชการตำแหน่งนายแพทย์หรือทันตแพทย์ได้ในอัตรา 1 : 1 ตามความจำเป็นของภารกิจ และให้ สธ. บริหารอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุ และตำแหน่งว่างระหว่างปีเพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาคู่สัญญาตำแหน่งนายแพทย์และทันตแพทย์ควบคู่กันไป และจะต้องไม่เกินจำนวนเป้าหมายที่กำหนดตามแผนปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสุขภาพของ สธ.
3) ให้ สธ. จัดทำข้อเสนอเพื่อทบทวนสัดส่วนในการรับนักศึกษาวิชาทันตแพทยศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาเพื่อปฏิบัติงานชดใช้ทุนกับ สธ. และภาคส่วนอื่นให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการและปริมาณงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
4) หาก สธ. ได้บริหารอัตราว่างตามข้อ 2) แล้ว แต่ยังมีจำนวนตำแหน่งไม่ครบตามจำนวนนักศึกษาคู่สัญญาที่จะบรรจุเข้ารับราชการทั้งสองสายงานดังกล่าว ให้ สธ. เสนอ ก.พ. พิจารณาเป็นรายกรณี โดยคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงจากการนำตำแหน่งอื่นมาใช้ภาระงบประมาณ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการบรรลุเป้าหมายของภารกิจอื่นด้วย
1.2 กรมราชทัณฑ์ ยธ.
1,988 อัตรา (ปฏิบัติภารกิจด้านการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง 451 อัตรา และภารกิจด้านการควบคุมและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง 1,537 อัตรา*)
275 อัตรา (ปฏิบัติภารกิจด้านการพยาบาลและการส่งเสริมสุขภาพผู้ต้องขังในสภานพยาบาล เรือนจำ/ทัณฑสถาน ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ระดับปฏิบัติการ หรือชำนาญการ
- ให้จัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ 200 อัตราใน 2 ภารกิจดังกล่าว โดยให้นำเสนอคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) พิจารณาต่อไป [ปฏิบัติภารกิจด้านการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง 176 อัตรา (ตำแหน่งนักจิตวิทยาคลินิก 126 อัตรา นักสังคมสงเคราะห์ 47 อัตรา และนักโภชนาการ 3 อัตรา) และภารกิจด้านการควบคุมและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง (เพื่อรองรับภารกิจศาลแห่งใหม่ที่เปิดทำการ ตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานราชทัณฑ์) 24 อัตรา]
- การขอรับการจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการเพิ่มใหม่ 1,265 อัตรา (ตำแหน่งนักทัณฑวิทยา 316 อัตรา และเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ 949 อัตรา) เพื่อปฏิบัติภารกิจควบคุมและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ให้พิจารณาทบทวนภารกิจควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความตรากตรำจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยให้สำนักงาน ก.พ. หารือร่วมกับ ยธ. และหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ.ร. สงป. เป็นต้น ทั้งนี้ ให้พิจารณาภาระงานที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายในเรือนจำด้วย ก่อนนำเสนอ คปร. พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ * แบ่งเป็น 1) ภารกิจการควบคุมผู้ต้องขังเพื่อลดความตรากตรำจากการปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งนักทัณฑวิทยา 316 อัตรา เจ้าหนักงานราชทัณฑ์ 949 อัตรา และ 2) ภารกิจการควบคุมผู้ต้องขังเพื่อรองรับภารกิจศาลแห่งใหม่ที่เปิดทำการ 272 อัตรา
2. คปร. ได้ปฏิบัติตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2461 โดยได้จัดทำรายละเอียดเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว ทั้งนี้ การอนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัด สธ. และ ยธ. รวมทั้งสิ้น 2,411 อัตรา จะมีค่าใช้จ่ายด้านบุคคลเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น 760,663,560 บาทต่อปี โดยจะผูกพันค่าใช้จ่ายในระยะยาวของแต่ละส่วนราชการสรุปได้ ดังนี้