ผมเคยเขียนถึง แท็บเล็ต Microsoft Surface ไปครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้ใกล้ถึงเวลาวางขาย Surface อย่างเป็นทางการพร้อมวินโดวส์ 8 ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ก็ถึงเวลาเขียนถึงอีกครั้งหนึ่งครับ
ขอย้อนความสำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่ ได้ติดตามเรื่องนี้สักหน่อยว่าเดิมที ไมโครซอฟท์เป็นผู้สร้าง “ซอฟต์แวร์” ระบบปฏิบัติการตระกูลวินโดวส์ แล้วขายผ่านผู้ผลิตฮาร์ดแวร์พีซี-โน้ตบุ๊กยี่ห้อต่างๆ เช่น เอชพี เลอโนโว เอเซอร์ เดลล์ ฯลฯ โดยไมโครซอฟท์มีสถานะเป็น “คู่ค้า” กับบริษัทฮาร์ดแวร์เหล่านี้ ไมโครซอฟท์ไม่ได้ผลิตฮาร์ดแวร์ขายเองแต่อย่างใด ใกล้เคียงที่สุดคือผลิตคีย์บอร์ดและเมาส์ขายในแบรนด์ไมโครซอฟท์ (ซึ่งก็ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ) แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์เสริมสำหรับคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ต่อมาไมโครซอฟท์หันมาผลิตเครื่องเล่นวิดีโอเกมตระกูล Xbox แข่งกับโซนี่และนินเทนโด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้งานนี้ไมโครซอฟท์จะทำฮาร์ดแวร์ขายเอง แต่นั่นก็ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของพีซีอยู่ดี ไมโครซอฟท์ยังมีโครงการ ฮาร์ดแวร์อื่นๆ อีกบ้าง เช่น เครื่องเล่นเพลงพกพา Zune และโทรศัพท์มือถือ Kin ซึ่งล้มเหลวทั้งคู่ และโดนไมโครซอฟท์ยกเลิกโครงการไปแล้ว กล่าวโดย สรุปก็คือในประวัติศาสตร์บริษัทที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี ไมโครซอฟท์ไม่เคยทำคอมพิวเตอร์ขายเองเลยสักครั้ง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในวันที่ 26 ตุลาคมนี้
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ไมโครซอฟท์ต้องปรับยุทธศาสตร์ของตัวเองครั้งใหญ่?
ถ้า เราย้อนดูความสำเร็จของแอปเปิลกับไอพ็อด ไอโฟน และไอแพด เราจะเห็น “จุดร่วม” ของอุปกรณ์เหล่านี้ว่าโดดเด่นที่ตัวฮาร์ดแวร์ออกแบบเรียบหรู สวยงาม ประสิทธิภาพดี ใช้วัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับระบบปฏิบัติการของแอปเปิลเองที่ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้เป็นอย่างดี การประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ที่แอปเปิลเป็นเจ้าของเองทั้งคู่ กลายเป็นจุดแข็งมากๆ ที่คู่แข่งทั้งฟากแอนดรอยด์และวินโดวส์ไม่สามารถต่อกรได้ เนื่องจากไมโครซอฟท์และกูเกิลเลือกใช้ยุทธศาสตร์ “สร้างซอฟต์แวร์อย่างเดียว” แล้วให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นๆ นำไปใช้งาน ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ออกมาจึงประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ไม่ดี เท่ากับแอปเปิล ที่บริษัทรายเดียวควบคุมหมดทุกอย่าง
กูเกิลแก้ปัญหานี้ โดยจับมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์บางราย ออกมือถือตระกูล Nexus ที่กูเกิลควบคุมดูแลเป็นพิเศษออกมา ส่วนไมโครซอฟท์ก็ดำเนินรอยตามด้วยแท็บเล็ต Surface นั่นเองครับ
แท็บเล็ต Surface คืออุปกรณ์ในอุดมคติของไมโครซอฟท์ที่จะใช้งานร่วมกับวินโดวส์ 8 ได้ดีที่สุด ตัวเครื่องออกแบบมาในแนวทางเดียวกับแอปเปิล นั่นคือเรียบหรูดูดี เน้นประโยชน์ใช้สอยและประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทอื่นๆ อาจทำได้ดีไม่เท่ากับไมโครซอฟท์ทำเอง (แต่ไมโครซอฟท์ก็ยินยอมให้บริษัทฮาร์ดแวร์อื่นๆ ทำแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 ขายด้วยเช่นกัน)
ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดเผยราคาของ Surface ออกมาแล้ว โดยรุ่นถูกที่สุดมีความจุ 32GB ราคาขายอยู่ที่ 499 ดอลลาร์หรือประมาณ 15,000 บาท เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วในสหรัฐและยุโรปบางประเทศ ตรงนี้คนไทยต้องลุ้นกันอีกหน่อยว่าไมโครซอฟท์ประเทศไทยจะนำเข้ามาขายหรือไม่
นอกจาก นี้ไมโครซอฟท์ยังมี Surface รุ่นราคาแพงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแยกเป็นรุ่น 32GB ขายพร้อมคีย์บอร์ดในราคา 599 ดอลลาร์ และรุ่น 64GB พร้อมคีย์บอร์ดราคา 699 ดอลลาร์
ราคานี้ถูกแพงแค่ไหน? ถ้าเทียบกับไอแพดรุ่นถูกที่สุดแล้วราคาเท่ากันเป๊ะ 499 ดอลลาร์ แต่ไอแพดจะได้ความจุเพียง 16GB ซึ่งตรงนี้ต้องถือว่าไมโครซอฟท์ตั้งราคามาถูกกว่าไอแพดอยู่พอสมควร แต่ถ้าเทียบกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์บางยี่ห้อ Surface อาจจะแพงกว่าเล็กน้อยที่ความจุ 32GB เท่ากัน
Surface ทุกรุ่นในขณะนี้ยังมีแต่รุ่นต่อเน็ตผ่านเครือข่าย Wi-Fi เท่านั้นนะครับ รุ่นที่ใส่ซิมการ์ดต่อ 3G ยังไม่มีขายในตอนนี้
อีก ประเด็นที่ผู้สนใจซื้อ Surface ควรรับรู้และพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ก็คือแท็บเล็ต Surface รุ่นแรกจะใช้หน่วยประมวลผลแบบอาร์มเช่นเดียวกับสินค้าของแอปเปิลและแอน ดรอยด์ มันใช้งานวินโดวส์ 8 รุ่นพิเศษที่เรียกว่า Windows RT สามารถใช้แอพที่ออกแบบมาสำหรับวินโดวส์ 8 ได้ (ที่เราเรียกกันว่าเมโทรคือเป็นแอพเต็มหน้าจอสำหรับแท็บเล็ต) และสามารถใช้ออฟฟิศ 2013 รุ่นใหม่ล่าสุดได้ แต่ไม่สามารถใช้งานแอพเดิมๆ ของ Windows 7 ได้นะครับ
ถ้าอยากได้แท็บเล็ตที่ใช้แอพของวินโดวส์ได้เต็มรูป แบบ จะต้องรอ Surface Pro ที่ใช้หน่วยประมวลผลของอินเทล ซึ่งจะวางขายในปีหน้า หรือไม่ก็ต้องเลือกซื้อแท็บเล็ตจากผู้ผลิตรายอื่นที่ใช้หน่วยประมวลผลของ อินเทลแทน ซึ่งราคาจะแพงขึ้นอีกเล็กน้อย ผมเช็คดูแล้วก็มีผู้ผลิตหลายรายเตรียมวางขายสินค้ากันแล้ว รอซื้อหากันได้ตามใจชอบ (ตอนซื้อต้องดูดีๆ ว่าไม่ได้เป็นแท็บเล็ต Windows RT)
กล่าวโดยสรุปแล้ว ผมคิดว่าไมโครซอฟท์ออกแบบ Surface มาได้น่าดึงดูดมาก และตั้งราคาได้เหมาะสม พอเป็นคู่แข่งกับไอแพดได้เลย ที่เหลือก็คือไมโครซอฟท์ต้องแสดงให้โลกเห็นว่าวินโดวส์ 8 มี “แอพ” จำนวนมากและหลากหลายพอ ที่จะชักจูงผู้ใช้ไอแพดและแอนดรอยด์ย้ายมาใช้งานวินโดวส์ 8 ให้จงได้
ข้อมูลจาก
www.thairath.co.th โดย มาร์ค Blognone
18 ตุลาคม 2555, 05:30 น.